“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ตอน เกรียน “คลับเห่า” ปากปีจอด่าคนอีสาน ซ่อนใบสั่งการเมือง?
กรณีเกรียนออนไลน์ ดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีคนอีสาน ก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเหตุจากน้ำผึ้งหยดเดียว จากความชั่วคนกลุ่มเดียว มีคำถามที่ผู้คนต้องการคำตอบ ณ เวลานี้ คือทำอย่างไรจึงจะหยุดยั้งพฤติกรรมของแก๊งเด็กเกรียนในคลับเฮาส์ ให้เลิกเห่าด้อยค่าคนอีสาน
แม้สังคมจะลุกฮือต่อต้านความไม่ดีไม่ถูกต้องดังกล่าวอย่างหนัก แต่ดูเหมือนคนกลุ่มนี้จะไม่แยแส กลับประกาศสวนว่าจะด่าคนอีสานต่อไป คนไม่เกี่ยว ไม่ต้องมายุ่ง
มาถึงขั้นนี้ ในเมื่อมาตรการทางสังคม ใช้กับความต่ำตมไม่ได้ผล ก็น่าจะเหลือทางเดียวเท่านั้นแล้ว นั่นคือ มาตรการทางกฎหมาย
ทางด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวว่า กำลังติดตามตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น หากพบว่าเป็นการให้ข้อความอันเป็นเท็จ บิดเบือนใส่ร้าย และสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวแพร่ออกมาทางโลกโซเชียลด้วยว่า คุณแม่ของนักร้องไอดอลระดับโลก “ลิซ่า แบล็กพิงค์” เตรียมจะดำเนินคดีกับแก๊งคลับเฮาส์นี้ เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน พูดจาว่าร้ายให้ลิซ่าเสื่อมเสียชื่อเสียง สามารถเป็นเจ้าทุกข์เอาผิดได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ชาวเน็ตที่โกรธแค้น ช่วยกันขุดหาตัวสมาชิกคลับเฮาส์ ที่ใช้คำพูดราวกับเป็น “คลับเห่า” เบื้องต้นได้ชื่อหัวโจก 3 คน ได้แก่
1.ไอ้ต้า หลานของ “เสี่ยอ่าง” คนดัง ใช้ชื่อแฝงในคลับเฮาส์ว่า ปลั๊ก คนวงในระบุว่า ไอ้ต้าถูกตัดจากกองมรดกไปก่อนหน้านี้แล้ว นิสัยชอบบูลลี่คน
2.ไอ้เม้ง พระรามสอง นิสัยชอบตีเมียเป็นชีวิตจิตใจ และเป็นคนพูดเหยียดลิซ่า รวมถึงดาราคนอื่นๆ
3.ไอ้นาย ซึ่งใช้ชื่อในคลับเฮาส์ว่า โอดิน คนนี้เรียนไปทำงานไปที่ประเทศนอรเวย์ บ้านค่อนข้างมีฐานะ
ส่วนอีกหลายคนในแก๊ง จะเป็นผู้ตาม คอยเออออห่อหมกไปกับ 3 หัวโจกดังกล่าว
แต่ที่ปวดใจคนอีสานที่สุด ก็คือมีเด็กสาวชาวอุดรธานี วัย 17 ดันร่วมแก๊งนี้ด้วย จนยายและแม่ต้องออกมาร่ำไห้ขอโทษแทนลูกออกสื่อไปแล้ว แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมรับ
วิธีการด่าคนอีสาน ด้วยรูปประโยครุนแรงเกินพอดี เต็มไปด้วยตรรกะพังพินาศ เอาเข้าจริง ก็สอดรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นยุคนี้ในเมืองไทย อย่างการบูลลี่ประเทศตัวเอง รวมไปถึงสถาบันหลักๆ
และหลายกรณีที่เกิดขึ้นจนเป็นคดีอาญาไปแล้ว ไม่ใช่แค่ตรรกะป่วย แต่เป็นการจงใจใช้ Fake News เพื่อทำลายล้าง
มีการตั้งข้อสังเกตว่า บางทีพฤติกรรมสุดโต่งของแก๊งคลับเฮาส์ อาจเป็นใบสั่งทางการเมือง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เพราะปี่กลองการเลือกตั้งเริ่มบรรเลงแล้ว และภาคอีสานก็เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ แบบว่าใครชนะการเลือกตั้งที่ภาคอีสาน ก็มักชนะคะแนนรวมทั่วประเทศ และเป็นรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ ก็มีวาทกรรมหาเสียง สื่อถึงคนอีสานโดยเฉพาะ อย่าง “ดินแดนต้องคำสาปห้ามพัฒนา”
แทนที่คนอีสานจะอิน บางคนกลับหัวร้อน ต้องออกมาตอบโต้ว่า อีสานเดี๋ยวนี้พัฒนาจนเจริญไปถึงไหนแล้ว
การจุดพลุด่าคนอีสานอย่างรุนแรง ผิดปกติวิสัยคนไทยครั้งนี้ อาจทำกันเป็นขบวนการ เพื่อปูทางให้พรรคการเมือง แสดงตัวออกมาเป็นผู้ปกป้องคนอีสาน
แม้ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่พรรคที่ขยับเรื่องนี้ก่อนใคร ก็คือ พรรคเพื่อไทย ที่แถลงจุดยืนออกมาแล้ว พร้อมร้องขอให้ทาง ดีอีเอส ดำเนินการในเรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนปากไม่ดี ปากปีจอตามธรรมชาติ หรือใบสั่งทางการเมือง ก็ล้วนแต่เป็นการพิสูจน์น้ำยาของกระทรวงดีอีเอส จะสามารถลากตัวคนผิดมาดำเนินคดีได้หรือไม่? เพื่อยับยั้งไม่ให้พิษลมปากของคนกลุ่มนี้ ไปสร้างบรรยากาศแตกแยกในสังคม
อย่าให้ดีอีเอสต้องถูกบูลลี่ ด้วยคำว่า ดีอีเอส มีไว้ทำไม?