MGR Online - น.2 ยัน แก๊งอุ้มรีดนักธุรกิจชาวไต้หวัน 93 ล้านบาท เกี่ยวข้องกับกลุ่มส่งออกถุงมือยางมือสองไปสหรัฐจริง สาเหตุเกิดจากปัญหาธุรกิจ เรียกพยานต่างประเทศสอบปากคำเดือน พ.ย.นี้ หลังน้ำหนักไม่เพียงพอ พบมีผู้ต้องหา 23 ราย
วันนี้ (28 ต.ค.) เวลา 18.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงกรณีสื่อต่างประเทศรายงานข่าว ประเทศไทยส่งออกถุงมือยางที่ผ่านการใช้งานแล้วไปประเทศสหรัฐอเมริกา และเกี่ยวข้องกับแก๊งอุ้มรีดนักธุรกิจชาวไต้หวัน 93 ล้านบาท พื้นที่ สน.ทองหล่อ ว่า ทั้งสองคดีมีความเกี่ยวข้องกันสาเหตุเกิดจากปัญหาธุรกิจถุงมือยาง โดยผู้เสียหายคดีถุงมือยางตกเป็นผู้ต้องหาในคดี “ร่วมกันเรียกค่าไถ่, ร่วมกันพยายามฆ่า”
มีข้อสงสัยจากสังคมว่าตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานไม่ทัน ทำให้อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาหมดไป และเป็นอิสระก่อนเดินกลับประเทศไปนั้น บช.น.ได้ตรวจสอบทราบว่า สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งดำเนินคดีเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2564 มีผู้ต้องหาร่วมกระทำความผิด 23 ราย พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวน และส่งสำนวนสั่งฟ้องพนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. เมื่อพนักงานอัยการพิจารณาสำนวนแล้วมี 2 ประเด็น ที่พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการเพิ่ม
1. อำนาจพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เนื่องจากกระทบกับอำนาจในการฟ้องคดีต่อศาล คดีดังกล่าวอาจมีการกระทำบางอย่างที่กระทำความผิดนอกราชอาณาจักร และหากเป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบก็จะเป็นพนักงานอัยการสูงสุด ฉะนั้นจะกระทบกับอำนาจในการฟ้องคดีของพนักงานอัยการต่อศาล จึงจำเป็นต้องให้ได้ข้อยุติว่าการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นความผิดที่เกิดจากนอกราชอาณาจักรด้วยหรือไม่
2. พยานที่พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำนั้น มีพยานบางอย่างที่อยู่ต่างประเทศ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงมีการสอบปากคำผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พนักงานอัยการให้พนักงานสอบสวนดู เพราะอาจกระทบกับความน่าเชื่อถือน้ำหนักของพยานในชั้นศาล จึงให้พนักงานสอบสวนเชิญพยานมาสอบปากคำใหม่ แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พยานไม่สามารถเดินทางมาให้ปากคำได้ ประกอบกับอำนาจในการฝากขังตัวผู้ต้องหาจะครบภายในวันที่ 9 ส.ค. เมื่อหมดอำนาจการควบคุมตัวศาลจึงได้มีคำสั่งปล่อยตัวผู้ต้องหาไป
กรณีดังกล่าวมิได้หมายความว่ากระบวนการสอบสวน กระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรมนั้นเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ผู้ต้องหารอดพ้นจากความผิดยังสามารถดำเนินคดี พนักงานสอบสวนจะเชิญพยานที่อยู่ต่างประเทศมาสอบปากคำในเดือน พ.ย.นี้ และให้ได้ข้อยุติว่าความผิดดังกล่าวเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร หรือในราชอาณาจักร อำนาจของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเป็นใครเมื่อได้ข้อยุติแล้ว พนักงานสอบสวนสามารถเชิญตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการ เพื่อส่งฟ้องศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนพยานที่อยู่ต่างประเทศจะมีผลต่อการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้กระทำความผิดรายอื่นหรือไม่ ผู้ต้องหามีทั้งหมด 23 ราย การสอบปากคำพยานที่อยู่ประเทศไต้หวันครบประเด็นแล้ว คาดว่า ไม่มีผู้ต้องหาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การสอบสวนมีความน่าเชื่อถือ จะมีการสอบปากคำต่อหน้าพนักงานสอบสวน และไม่มีประเด็นอื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผบช.น.มอบหมายให้ ผบก.น.5 ตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวนมีความบกพร่องหรือไม่ หากบกพร่องจะมีการดำเนินการทางปกครองตามอำนาจหน้าที่ต่อไป.