MGR Online - “สมศักดิ์” เผยภาพรวมคดียาเสพติด ป.ป.ส. ดีขึ้นจากปีก่อน พร้อมวางเป้าหมายยึดทรัพย์ให้ได้ 10,000 ล้าน แบ่งชี้เป้ามีเงินรางวัลผู้แจ้งเบาะแส
วันนี้ (8 ต.ค.) เวลา 13.00 น. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีการจัดงาน “ที่สุดแห่งปี : ผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปี 2564” โดยมี นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม, ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม, น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม, นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม, นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส., นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้บริหารระดับสูงจาก 9 กระทรวง 26 หน่วยงาน และ 2 ส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมงานผ่านระบบ Zoom จาก 27 ประเทศ 43 หน่วยงาน โดยก่อนเข้างานมีการคัดกรองและตรวจ ATK โดยพยาบาลวิชาชีพ และมีการจัดนิทรรศการผลงานดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
โดยในช่วงแรก นายวิชัย ได้พาชมนิทรรศการ โชว์ผลงานของการดำเนินการในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีทรัพย์สินบางส่วนที่ยึดได้นำมาแสดงด้วย เช่น ทองรูปพรรณ อาวุธปืน โดยทาง ป.ป.ส.มี 5 มาตรการหลัก คือ 1. มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ 2. มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย 3. มาตรการป้องกันยาเสพติด 4. มาตรการบำบัดรักษายาเสพติด และ 5. มาตรการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ
นายเจเรมี กล่าวว่า ตนขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ ซึ่งทุกท่านถือเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เกิดจากปัญหายาเสพติด ถือเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ตนทราบดีว่าทุกท่านมีความตั้งใจ มุ่งมั่น และบูรณาการร่วมกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้พวกเขาเหล่านั้น ได้อยู่ในสังคมปลอดภัยจากยาเสพติด จากการผนึกกำลังทุกภาคส่วนของสังคม ทำให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดจนมีผลงานเด่นประจำปี 2564 และเป็นแนวทางใหม่ๆให้กับประเทศอื่นๆ ด้วย
ด้าน นายสมศักดิ์ เผยว่า การดำเนินการของ ป.ป.ส. ที่ผ่านมาเราดำเนินการอย่างหนัก ต้องเปลี่ยนแนวทางของการทำงานเพื่อให้ทันกับการปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส.ต้องทำงานเชิงรุก เพราะเรามีประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ 182 มาตรา และตนเชื่อว่าทีมงานของ ป.ป.ส.จะทำงานได้ จากปีที่ผ่านมาเราตั้งเป้ายึดทรัพย์ 6,000 ล้าน ซึ่งเราทำได้เกินเป้าหมายยึดได้ถึง 7,346.82 ล้านบาท ซึ่งตนเชื่อว่าเมื่อมีประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่เราจะทำได้ง่ายมากขึ้น และยังได้มีการประสานงานกับต่างประเทศ เช่น DEA ของสหรัฐฯ จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายมากขึ้นอีก กฎหมายเก่าการทำสำนวนส่งสำนวนแต่ไม่สามารถฟ้องได้ นายกฯมีคำสั่งถึงตนทำให้ชัดเจน ซึ่งตนไม่เชื่อว่าหน่วยราชการรับสินบน จึงต้องดูว่ากฎหมายมีช่องว่างอะไรหรือไม่ สิ่งต่างๆเหล่านี้เราต้องศึกษาให้เกิดความชัดเจนในกฎหมายใหม่
นายสมศักดิ์ เผยอีกว่า ตนดูจำนวนผู้ต้องขังในขณะนี้สถิติปี 2559 มีผู้ต้องขังคดียาเสพติด 71% ปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 79% และปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 82% นี่เป็นเหตุที่เราเสนอร่างกฎหมายใหม่เข้าไป ผู้ต้องขังมีจำนวนมากเราจับเท่าไรยาเสพติดก็ไม่ลด เราจึงมีแนวทางการเสนอกฎหมายปรับโทษใหม่ และเราจะยึดทรัพย์ให้หนักขึ้น ยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี โดยเป้าหมายปีที่ผ่านมาเราวางไว้ที่ 6,000 ล้านบาท แต่ปีงบประมาณต่อไปนี้เรามีประมวลกฎหมายยาเสพติดที่แยกคดีทรัพย์และคดีอาญาออกจากกัน ซึ่งปีนี้เราขอสัก 10,000 ล้านบาท และ 5% หรือ 500 ล้านบาทจะเป็นของผู้ที่ชี้เบาะแส สำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่จะได้ 25% หรือ 2,500 ล้านบาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะเอาตัวยาเป็นหลักเหมือนเดิมไม่ได้ ตรวจชี้วัดจะเปลี่ยนเป็นจำนวนทรัพย์และการใช้ พ.ร.บ.มาตรการฯ 2534 และกฎหมายฟอกเงิน และเราจะดำเนินการกับ 643 เครือข่าย ผู้ค้ายา 10,073 คน ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราดำเนินการได้ ขอให้ท่านทั้งหลายช่วยแจ้งเบาะแสและมารับรางวัลตามที่เรากำหนดไว้
ทั้งนี้ ในงานได้มีการเปิดคลิปวิดีโอของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้กำลังใจและชื่นชมเจ้าหน้าที่ โดยมีใจความว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ในการทำงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญของชาติ ทุกหน่วยงานมีการบูรณาการการทำงานอย่างจริงจัง ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่าทุกภาคส่วนทำงานกันอย่างเข้มข้น ทั้งตำรวจ ป.ป.ส. ภาคประชาสังคม ภาคีเครือข่ายประเทศต่างๆ จนการปราบปรายาเสพติด มีการพัฒนาไปมาก ในปี 2564 ทางรัฐบาลตั้งเป้าหมายยึดอายัดทรัพย์สินไว้ที่ 6,000 ล้านบาท ซึ่งในเวลานี้ เราสามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้กว่า 7,300 ล้านบาท โดยถือว่าเราทำงานได้เกินเป้าหมายที่ได้รับปากกับประชาชนไว้ แต่สิ่งที่ต้องยอมรับในหนึ่งประเด็นคือกฏหมายยาเสพติดที่ล้าสมัยที่ใช้มายาวนานถึง 42 ปี ขณะนี้เราได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดให้ทันสมัย เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ การทำงานในปัจจุบัน จากนี้เราจะสามารถยึดอายัดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติดย้อนหลังได้ถึง 10 ปี และกฎหมายสำคัญอีกหนึ่งฉบับ ตนขอเรียกว่ากฎหมายเพื่อประชาชน นั่นคือ การปลดล็อคพืชกระท่อม ซึ่งเวลานี้ พืชชนิดดังกล่าว ไม่ได้ผิดกฎหมายอีกต่อไปหลังประชาชนต้องถูกเอาผิดในการเคี้ยวสมุนไพรชนิดนี้ยาวนานมาถึง 78 ปี และจากนี้รัฐบาลขอยืนยันว่าจะเดินหน้าผลักดันพืชกระท่อมให้เป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อทำให้เกิด รายได้ต่อไป อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ คือ การพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยเท่าทันกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทุกราย เพื่อติดตามกระบวนการค้ายาที่หันมาใช้สกุลเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrency ในการกระทำความผิด
“สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณ 9 กระทรวง 26 หน่วยงาน และ 2 ส่วนราชการ ที่ร่วมกันบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่มีส่วนร่วมในการแก้ไข ปัญหายาเสพติด ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ ท่าน ในการปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ทุกคนมุ่งมั่น แก้ไข ขจัดภัย ยาเสพติด เพื่อความปลอดภัยของสังคมสืบต่อไป” นายกฯกล่าว
จากนั้น นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ผลงานภาพรวมในปีที่ผ่านมา ตนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกหน่วยงานเน้นปฎิบัติการด้วยความตั้งใจ ซึ่งตนต้องขอบคุณ นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการ แผนกคดียาเสพติด ส่วนของเรื่องกฎหมาย เราได้รับความร่วมมือจาก นายสาคร ตั้งวรรณวิบูลย์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งทำให้แนวทางในการบังคับใช้กฎหมายมีความชัดเจนขึ้น