“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 29 กันยายน 2564 ตอน พีระพันธุ์ โซ่ข้อกลาง เสริมส่วนขาด พปชร.
ชื่อของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กับการถูกพูดถึงว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เตรียมแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค
ไม่ใช่ครั้งแรกที่พีระพันธุ์ มีชื่อเข้ามาข้องแวะกับพลังประชารัฐ นับตั้งแต่เขาตัดสินใจลาออกจากส.ส.บัญชีรายขื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากพ่ายแพ้ในการชิงชัยตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ท่ามกลางความเสียดายของคนในประชาธิปัตย์ ที่เผชิญภาวะเลือดไหล เสียคนมีศักยภาพออกไปจากพรรค วงในประชาธิปัตย์ รู้ดีว่ามีสาเหตุของความขัดแย้ง
ผู้มากบารมีในพรรค เมื่อเริ่มเห็นแนวโน้มว่าพีระพันธุ์ มีโอกาสขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ก็มีการล็อบบี้เพื่อสกัดกั้น ขัดขวาง จึงทำให้พีระพันธุ์ ได้คำตอบในชีวิตการเมืองกับประชาธิปัตย์ทันทีว่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อประชาธิปัตย์ในสายตาของพีระพันธุ์ ถึงคราวต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ในมุมมองของผู้ใหญ่บางคนในพรรค กลับไม่คิดเช่นนั้น
หลังเดินออกจากประชาธิปัตย์ ไม่นาน พีระพันธุ์ ก็ได้งานใหม่เป็นที่ปรึกษานายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมภารกิจสำคัญให้รับผิดชอบ ทั้งทำแผนฟื้นฟูการบินไทย แก้ปัญหาข้อพิพาทคดีเหมืองทองอัครา
รวมถึงยังเป็นประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 สภาผู้แทนราษฎร และคอยติดตามตรวจสอบหลายโครงการของรัฐบาลที่มีข้อครหา ถึงความไม่ชอบมาพากล เช่น โครงการประมูลรถไฟทางคู่ สายเหนือ-อีสาน เป็นต้น
จึงไม่แปลกถ้าพีระพันธุ์ จะถูกมองว่าเป็นสายตรงของพล.อ.ประยุทธ์ ก็ด้วยความไว้วางใจ คอยเป็นมือทำงานให้
นอกจากนั้น คนใกล้ชิดพล.อ.ประวิตร ต่างรู้กันดีว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังจากนายอุตตม สาวนายน ชื่อของพีระพันธุ์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่พล.อ.ประวิตร เตรียมมอบหมายให้รับหน้าที่หัวหน้าพรรค
หากด้วยเงื่อนไงหลายอย่าง ทั้งในและนอกพรรค ทำให้แผนการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคต้องถูกพับเก็บเอาไว้ไม่มีกำหนด จนพล.อ.ประวิตร ต้องรับหน้าที่ตรงนี้แทน
ถึงอย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่สนับสนุนพีระพันธุ์ มีความพยายามผลักดันเขาให้เข้ามามีบทบาทในพรรคอยู่เสมอ
ในช่วงการปรับครม. ครั้งที่ผ่านมา ก็มีชื่อพีระพันธุ์ คั่วตำแหน่งในโควตานายกฯ จนคนในพลังประชารัฐ ต่างผวา จะถูกแย่งยุ้งข้าว จึงล่าชื่อส.ส.ในพรรค เพื่อบล็อกคนนอก และเมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา พีระพันธุ์ ก็เคยส่งคนมายื่นใบสมัครสมาชิกพรรคแล้ว แต่ดันเป็นช่วงที่สถานการณ์โควิด ระลอก3 เริ่มระบาดอย่างหนัก ที่ทำการพรรคจึงไร้เงาเจ้าหน้าที่พรรครับดำเนินการ
ถึงวันนี้ ทุกย่างก้าวของพีระพันธุ์ นับว่าน่าสนใจ อาจเป็นขุนพลสู้เลือกตั้งของพลังประชารัฐ ในฐานะสายตรงพล.อ.ประยุทธ์ และรุ่นน้องเซนต์คาเบรียล พล.อ.ประวิตร ขึ้นมาก็ได้
การเคลื่อนไหวของพีระพันธุ์ที่จะเข้ามาร่วมงานกับพลังประชารัฐ มีมาเป็นลำดับ โดยเมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา พีระพันธุ์ ส่งคนมายื่นใบสมัครสมาชิกพรรคแล้ว แต่เป็นช่วงที่สถานการณ์โควิด ระลอก3 เริ่มระบาดอย่างหนัก ที่ทำการพรรคหยุด จึงยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
วันนี้ พีระพันธุ์ ก็พร้อมทำงานการเมืองกับพลังประชาชน และพลังประชารัฐทั้งสาย ประยุทธ์ กับประวิตรก็อ้าแขนรับ เพราะพีระพันธุ์ไม่ใช่ไป่กาทางการเมือง เป็นอดีต ส.ส.กทม. 3 สมัย และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 2 สมัย โดยในการเลือกตั้งปี 2548 ยังเป็นหัวหน้าทีม กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
ยามที่พื้นที่ กทม. ของพรรคพลังประชารัฐที่มี ส.ส.ถึง 12 คนจาก 12 เขต อยู่ในภาวะไร้หัว เมื่อผู้รับผิดชอบเดิมอย่างนายณัฐฏพล ทีปสุวรรณ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประสบอุบัติเหตุทางการเมืองจากคดีการชุมนุม กปปส. ก็ยังไม่มีผู้เหมาะสมขึ้นมาเป็นขุนพล กทม.ของพรรคประชารัฐเลย
การจับวาง พีระพันธุ์ ผู้ซึ่งแทบไม่มีตำหนิทางการเมือง ไร้ภาพความขัดแย้ง และยังถือว่าสเปคขายคนกรุง-คนเมืองได้ มาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค หรือเข้ามามีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น ก็ถือเป็นหมากที่แยบยลในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นสนามใหญ่ในอนาคต หรือสนามผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก. ที่คาดว่าจะมีขึ้นในอีกไม่นาน
หรือดีไม่ดีหากถึงเวลาจริง พีระพันธุ์ ยังอาจก้าวไปเป็นหนึ่งในผู้ถูกเสนอชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงใน กทม.ก็เป็นได้
นับจากนี้ทุกย่างก้าวของ พีระพันธุ์ นับว่าน่าสนใจ กับบทบาทในพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะในฐานะขุนพล กทม.
กับบทบาทสำคัญในการเป็นโซ่ข้อกลางของ 2 ลุง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ยามที่ถูกมองว่า พ่อแม่แม่งอนกันอย่าลหนัก