“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2564 ตอน เกมเสี่ยงบิ๊กตู่ '3 ป.'ร้าวลึก
สึนามิทางการเมืองลูกใหญ่ที่ซัดกระแทก“ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จนต้องกระเด็นตกเก้าอี้รมช.เกษตรและสหกรณ์ รวมถึง “มาดามแหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ต้องหลุดรมช.แรงงาน ไปด้วย
มองกันว่า เป็นการคิดบัญชีแค้นกับดาวรุ่งนักการเมืองยุค3 ป. ร.อ.ธรรมนัส ที่โดนดาบแรก เจอข้อหาคิดการใหญ่ หวังเขย่าอำนาจผู้นำ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
ปฏิบัติการสายฟ้าฟาดครั้งนี้ สร้างแรงสะเทือนไปถึงนักการเมืองใน “ค่ายลุงป้อม” พรรคพลังประชารัฐ อย่างเลี่ยงไม่ได้ และที่สำคัญ ย่อมสั่นคลอนบารมีของพี่ใหญ่ “บิ๊กบราเทอร์ส” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค อย่างปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกัน
เมื่อนักการเมืองต่างเห็นฤทธิ์เดชของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วว่า มีอำนาจเต็มมือ ตั้งใครเป็นรัฐมนตรีได้ ก็สามารถปลดพ้นตำแหน่งได้เช่นกัน
ขนาด พล.อ.ประวิตร ไม่รู้ระแคะระคายธรรมนัสกับเจ๊แหม่ม นฤมล จึงไม่สามารถทัดทานอะไรได้เลย และสิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้คือ จะมีปฏิบัติการเช็กบิลเครือข่ายที่แอบอิง “พี่ใหญ่” หรือไม่ โดยเฉพาะคนที่เป็นอดีตตำรวจ ยศ พล.ต.อ. ชื่อย่อ พ.
ลือกันว่า พลตำรวจเอก พ. เป็นคนอยู่เบื้องหลัง มีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายบนกระดานการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ นับตั้งแต่ 22 พ.ค.57 และมักเข้าจัดวางคนของตัวเองให้หลายองค์กร กำหนดทิศทางอะไรหลายอย่างได้
การปฏิรูปตำรวจที่ล้มลุกคลุกคลาน ไม่เป็นรูปเป็นร่าง ก็ถูกมองว่า พล.ต.อ. ชื่อย่อ พ. คนนี้ พยายามขัดขวาง เพราะจะกระทบกับผลประโยชน์บางประการ
มีการตั้งข้อสังเกตว่า อดีตนายตำรวจใหญ่คนดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองบางกลุ่มที่เพิ่งพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ก็ยังมีบทบาทเป็นกรรมการบริหารภายในพรรค
หลังจากนี้แวดวงการเมืองขั้วประยุทธ์ มีการพูดถึงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่คิดปรับยุทธศาสตร์ทางการเมือง โดยคิดวางตัวคนที่เป็น “สายตรง” ไว้ใจได้ เข้ามาบริหารจัดการพรรค ไม่ปล่อยให้เละเทะแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว
แต่โดยแพทเทิร์นของประยุทธ์ ที่เป็นทหาร ไม่เคยให้ค่านักการเมือง ก็คงยากที่ “บิ๊กตู่” ผู้รักษาระยะห่างกับนักการเมือง-นักเลือกตั้งมาตลอด จะลงมาสวมบทหัวหน้าพรรคการเมืองด้วยตัวเอง
คำถามมีว่า แล้วใครจะมาเป็น “แม่บ้านพรรค” แทน ร.อ.ธรรมนัส ที่รอเพียงเวลาหลุดออกจากเก้าอี้
ทำให้ชื่อของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่เป็นรองหัวหน้า และผู้อำนวยพรรค อยู่ในตอนนี้ ที่เข้ามาเป็นขุนพลข้างกายนายกฯประยุทธ์ ในปฏิบัติการต่อต้าน “กบฎผู้กอง” ที่ผ่านมา ก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร
แม้นายสันติ จะมีชื่อคั่วเก้าอี้เลขาธิการพรรคมาตลอด แต่ด้วย “เครดิต” การยอมรับของ ส.ส. และนักการเมือง ต่อ “สันติ” ขาใหญ่เมืองมะขามหวาน อยู่ในระดับที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะเป็นคนอ่านยาก และเพียบพูนด้วยเหลี่ยม ส่วนที่น่าคิดคือ มีคนเปรียบเทียบสันติ ว่าเหมือน หัวไช่โป้ว คือทั้งเค็มและเหนียว
เชื่อว่า หากหัวหน้าพรรคยังชื่อ พล.อ.ประวิตร ก็ยากที่จะเปิดใจยอมรับตัว “สันติ” ที่เดิมก็ปาวารณาตัวเป็น “เด็กลุงป้อม” แต่ล่าสุดบายพาสไปอยู่กับนายกฯ เป็นเหตุให้ปฏิบัติน็อก พล.อ.ประยุทธ์ กลางสภาล้มเหลว
ส่วนกลุ่มสามมิตร ของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่แม้ยืนยันพร้อมสนับสนุน “บิ๊กตู่” ทุกสถานการณ์ ก็ไม่อยู่ในระดับใจถึงใจ ไว้วางใจกันได้
แม้จะมีข่าวลือไปที่ “มือทำงาน” ที่ช่วยงาน “พี่น้อง 3 ป.” มานาน คือ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดมหาดไทย ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่30 ก.ย.นี้ หลังอยู่ในตำแหน่งยาวถึง 4 ปี
ถือเป็นขุนพลคู่ใจ ของ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชนิดที่เรียกว่ามองตาก็รู้ใจ แต่ปลัดฉิ่งยืนยันกับคนใกล้ชิดว่า ไม่มีความคิดจะมาเล่นการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ และข่าวลือหลังเกษียณราชการจะมาเป็นรัฐมนตรี ก็ไม่เป็นความจริง
ปัญหาบิ๊กตู่กับบิ๊กป็อก จะเอาคนไม่ว่าจะเป็นใคร มานั่งกั๊กเป็นเลขาธิการพลังประชารัฐ คงไม่ง่าย หากพล.อ.ประวิตร ยังเป็นหัวหน้าพรรค และร.อ.ธรรมนัส ยังไม่ปล่อยเก้าอี้เลขาฯ พรรค การจะปรับโครงสร้างพรรค ในสมการของพล.อ.ประยุทธ์ คิดได้แต่ทำยาก
เนื่องจากอำนาจการบริหารพรรค มีการแบ่งให้เป็นของ “พี่ใหญ่” ไปแล้ว การที่พล.อ.ประยุทธ์ จะรุกคืบทำอะไรเกินหน้าเกินตา อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความสัมพันธ์ของ 3ป. สะบั้นลง
การที่จะให้พล.อ.ประวิตร ไขก๊อก ล้างไพ่เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ไม่ใช่เรื่องจะเกิดในช่วงที่ทีการขบเหลี่ยมกันอยู่ ซึ่งตอนนี้บิ๊กป้อมยืนยันแล้วว่าไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรค และยังจะให้ร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาฯ ต่อไป
สถานการณ์อาจกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยืมมือนักการเมืองในพรรค ทั้งกลุ่มสามมิตร นายชัยวุฒิ ธนาคมานุกรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึง นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ถือว่าร.อ.ธรรมนัส เป็น “ศัตรูตัวฉกาจ” และนายสันติ ร่วมกันเขย่าโครงสร้างพรรค
สูตรนี้ก็เป็นไปได้ และอาจได้เห็นการล้างขั้วอำนาจพล.อ.ประวิตร และร.อ.ธรรมนัส ภายในพลังประชารัฐ เกิดขึ้น ด้วยยุทธการล่าชื่อกรรมการบริหารพรรค ให้ไขก๊อกเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนที่มีอยู่ เหมือนสมัยที่เคยใช้บีบ “กลุ่ม4กุมาร” ให้พ้นพรรค
เพื่อเปิดทางเขี่ยร.อ.ธรรมนัส พ้นเลขาฯ พรรค และอาจได้เห็นความเด็ดขาดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการสลับตัวหัวหน้าพรรคด้วยหรือไม่
ในจังหวะที่ขั้วของร.อ.ธรรมนัส กำลังเพลี่ยงพล้ำ โดนจองกฐิน รุมกินโต๊ะ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เองก็ติดบ่วงคดีทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอล อัยการสูงสุด เตรียมส่งฟ้องสำนวนต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 14 ก.ย.นี้
นอกจากนายวิรัชแล้ว ยังพ่วงนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา ภรรยานายวิรัช และนางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา น้องสาวนางทัศนียา ที่ติดบ่วงคดีนี้ไปด้วย ถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อสถานะทางการเมืองเป็นอย่างมาก
นับเป็น “ทางสองแพร่ง” ที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเลือกระหว่าง “พี่ใหญ่” ที่โอบอุ้มกันมา กับอนาคตบนเส้นทางการเมืองของตัวเอง ที่ต้องหันมาซ่องสุม “นักเลือกตั้ง” เป็นฐานให้ตัวเอง ไม่ยืมจมูกใครหายใจอีกต่อไป
อาจจะถึงเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง และต้องเจอกับความเสี่ยง เผชิญภาวะแตกหัก ในวันที่ความสัมพันธ์ระหว่าง“น้องเล็ก” กับ “พี่ใหญ่” ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.