“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 1 กันยายน 2564 ตอน เคลียร์จบโผทหาร “บิ๊กตู่” ล้วงลูก กันขาลอย
การแต่งตั้งโยกย้ายนายพลของเหล่าทัพปีนี้ เป็นที่พูดกันอย่างมากในแวดวงทหาร ถึงโผโยกย้ายนายพลปีนี้ที่เสร็จช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะในส่วนกองทัพบก ทบ. ที่จัดเสร็จเหล่าสุดท้าย หลังมีการคัดเลือกนายทหาร ทบ. โอนย้ายไปปฏิบัติงานใน หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
โดยเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ประกาศพระบรมราชโองการฯ แต่งตั้งข้าราชการในพระองค์ ให้ พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน จาก ผบ.พล.1 รอ. ไปเป็น ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร ในตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการประจำ สำนักงานรองผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ตั้งแต่วันที่ 24ส.ค.ที่ผ่านมา
ส่งผลต่อการจัดโผ ทบ. ตำแหน่ง รองแม่ทัพภาคที่ 1 ว่างลงหนึ่งเก้าอี้ ที่จะต้องหาคนมาแทน “บิ๊กเนี้ยว”พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน (ตท.27) โดยชื่อที่คาดว่าจะมาแทน คือ “บิ๊กรุ่ง”พล.ต.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ (ตท.26) ผบ.มทบ.17 ที่ ส่วนอีก 2 เก้าอี้ที่เหลือ ได้แก่ “บิ๊กปู”พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) ผบ.พล.ร.11 และ “บิ๊กใหญ่” พล.ต.อมฤต บุญสุยา (ตท.27) ผบ.พล.ร.2 รอ.
จากนั้นเมื่อวันที่ 30ส.ค.ที่ผ่านมา “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ได้หารือคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล หรือ “บอร์ด 7 เสือกลาโหม” ได้แก่ “บิ๊กช้าง”พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม “บิ๊กณัฐ”พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม
“บิ๊กแก้ว”พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด “บิ๊กบี้”พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. “บิ๊กอุ้ย”พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. “บิ๊กแอร์”พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. ที่ ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาหารือเพียง 45 นาทีเท่านั้น จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนทางธุรการตรวจความถูกต้อง ก่อนที่นายกฯจะนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป
ตำแหน่งของ ทบ. ที่มีมีการโฟกัสอย่างมาก คือ “แม่ทัพภาคที่ 1” โดยชื่อที่เข้าวิน คือ “บิ๊กโต”พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง (ตท.23) แม่ทัพน้อยที่ 1 โดย พล.ท.สุขสรรค์ เป็นนายทหารที่เติบโตมาจาก พล.ร.2 รอ. จึงเป็นสายเดียวกับ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’
สำหรับกองทัพภาคที่ 1 มีความสำคัญ เพราะดูแลพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพฯ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการชุมนุมอยู่ตลอด
ส่วนคู่แคนดิเดตที่ลุ้นนั่งแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนหน้านี้ อย่าง “เสธ.อ๊อฟ”พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24) รองเสธ.ทบ. ลูกชายของ “บิ๊กตุ๋ย”พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีตผบ.ทบ. ที่เติบโตมาจาก ร.11 รอ. หรือสายวงศ์เทวัญ ได้ขึ้น “พลเอก” เป็น เสธ.ทบ. เข้าสู่ตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. ทำให้ขึ้นเป็นอีกแคนดิเดต ผบ.ทบ. ในอนาคต
ตีคู่ “บิ๊กต่อ”พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ (ตท.23) แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ในโผนี้เช่นกัน โดย พล.ท.เจริญชัย เติบโตมากจาก ร.21 รอ. เป็นสายทหารเสือฯ เหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณฯปี67
แม้ว่า พล.ท.ทรงวิทย์ จะเกษียณฯปี68 สามารถขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.ท.เจริญชัย ที่เกษียณฯปี67 ได้เลย แต่ต้องเผชิญกับ “ด่านหิน” ว่าจะสามารถ “แหวกประเพณี” ที่ว่า คนเป็น ผบ.ทบ. จะต้องจบ นายร้อย จปร. เท่านั้น ได้หรือไม่ เพราะ พล.ท.ทรงวิทย์ จบจาก Virginia Military Institute ที่ สหรัฐฯ
แม้ว่าทั้ง พล.ท.เจริญชัย กับ พล.ท.ทรงวิทย์ จะเป็นนายทหาร ฉก.ทม.รอ.904 เหมือนกัน แต่ประเพณี ทบ. ที่ ผบ.ทบ. จะต้องจบ นายร้อย จปร. ก็ยังคงเข้มข้นอยู่ ซึ่งการที่ พล.ท.ทรงวิทย์ ไม่ได้ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 ครั้งนี้ หนึ่งในเหตุผลที่มีการพูดถึงก็คือเรื่องการ “เรียนจบนอก” นั่นเอง แต่สถานการณ์ภายภาคหน้าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ จึงต้องดูกันปีต่อปี
ในส่วนสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 'บิ๊กหน่อย' พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ (ตท.20) เสนาธิการทหารบก โยกข้ามห้วยมาเป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม
แต่ที่ฮือฮา คือ ‘บิ๊กเฒ่า’พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ทหารเรือที่พลัดถิ่นมาเป็น ‘รองปลัดกลาโหม’ 2 ปี ได้คืนถิ่นวังเดิม ขึ้นเป็น ผบ.ทร. คนต่อไป ด้วยพลังหนุนจาก “เพื่อน ตท.20” ที่ยังมีพลังอยู่ในกองทัพ
แม้ว่า “บิ๊กอุ้ย”พล.ร.อ.ชาติชาย ผบ.ทร. จะเสนอชื่อ “บิ๊กโต้ง”พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ (ตท.21) เสนาธิการทหารเรือ ขึ้นเป็น ผบ.ทร. แต่เป็นไปตามที่คาดการณ์ คือ เสนอชื่อหนึ่ง แต่ได้ชื่อหนึ่งออกไปแทน
ด้วยเหตุผล “คืนความชอบธรรม” ให้กับ พล.ร.อ.สมประสงค์ ที่ถูกโยกออก ทร. 2 ปีก่อน เพราะหากไม่เช่นนั้น พล.ร.อ.ชาติชาย ก็จะไม่ได้เป็น ผบ.ทร. ด้วย ที่สำคัญ พล.ร.อ.สมประสงค์ ครองอาวุโสที่สุดในบรรดาแคนดิเดต ผบ.ทร. เพราะเป็น ตท.20 ครองอัตรา “พลเอกพิเศษ” มาแล้ว 2 ปี
มากันที่ทุ่งดอนเมือง ได้แม่ทัพฟ้าคนใหม่ชื่อ 'บิ๊กป้อง'พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ (ตท.21) ประธานคณะที่ปรึกษา ทอ. บุตรชาย พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ อดีต ผบ.ทอ. ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. คนต่อไป ตามรอยพ่อ
สุดท้ายกับ “ถิ่นเสือป่าแจ้งวัฒนะ” กองบัญชาการกองทัพไทย ชื่อที่ถูกโฟกัสคือ ‘บิ๊กบุ๋ม’พล.ท.สุวิทย์ เกตุศรี (ตท.23) ผู้บัญชาการศูนย์ต่อต้านการก่อร้าย ขึ้น พลเอก เป็น รองเสธ.ทหาร เพื่อจ่อเป็น เสธ.ทหาร ในปี 65 หลังถูกวางไลน์เป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจาก ‘บิ๊กแก้ว’พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ (ตท.21) ที่พี่น้องสายทหารม้า พล.ม.2 รอ. ที่โตมาด้วยกัน
แม้ว่าโผทหารฉบับนี้จะไม่มีการเปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพ ทั้งหมด แต่ถือเป็นโผที่สำคัญ ท่ามกลางเสถียรภาพของรัฐบาลที่ต้องเผชิญกับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่ระหองระแหง การเมืองในสภาที่ขยับสู่การยุบสภา ที่ต่างเชื่อกันว่าจะเกิดขึ้นในปี 2565
รวมทั้งการเมืองบนท้องถนน แม้จะแผ่วลงไปจากเมื่อปี 63 ด้วยสถานการณ์โควิด แต่สิ่งที่ปรากฏเด่นชัดคือปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมด ด้วยเมล็ดพันธุ์ในการต่อสู้ที่มีแต่งอกเงย แม้เพดายในการเคลื่อนไหวจะลดลงไปบ้าง แต่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงเป็นเงื่อนไขหลักในการออกมาชุมนุมของแต่ละกลุ่ม
ในสถานการณ์เช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องดันคนที่เติบโตมาจาก “สาย 3ป.” เข้าสู่ตำแหน่งคุมกำลัง อย่างน้อยก็สร้าง “ความอุ่นใจ” ได้บ้าง ไม่เช่นนั้นจะอยู่ใน “สภาวะขาลอย” ได้