“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2564 ตอน โจ้ จอมโหด ปืนลั่น ใส่ปฏิรูป ตร.จอมปลอม
กรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ โจ้ จอมโหด อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอ เมืองนครสวรรค์ กับพวก ใช้ถุงพลาสติก6 ใบคลุมหัวคนขายยาเสพติดจนถึงแก่ชีวิต สะท้านวงการสีกากี สะเทือนถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แม้จะเป็นความผิดของตำรวจโรงพัก ไม่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงชัดเจนกับคนในรัฐบาล แต่งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ลอยตัวหนีปัญหาไม่ได้
เพราะหลังมีคลิปโจ้ จอมโหดฆ่าประชาชน เป็นบาดตาบาดใจประชาชน ที่ตำรวจใช้อำนาจตามอำเภอใจอย่างป่าเถื่อน ข่มเหงทำร้ายกับผู้ต้องหารีดไถเงินแลกกับการปล่อยตัว ทารุณจนตายต่อคามือ ทำให้กระแสเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจดังระงมเมือง ส่งเสียงไปถึงรัฐบาล ขึ้นอีกครั้ง
ด้วยที่ พลเอก ประยุทธ์กุมอำนาจบริหารต่อเนื่องมาตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ประกาศเข้ามาปฏิรูปประเทศ แต่ถึงวันนี้เป็นมวยล้มต้มคนดู ยังไม่มีเรื่องใดที่ดูเป็นมรรคเป็นผล ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่า ปฏิรูป เลย
ยิ่งเรื่องปฏิรูปตำรวจ หนึ่งในเรื่องที่กระแสสังคมต้องการให้สังคายนาให้ตำรวจมีความโปร่งใส กำจัดการทุจริตรีดไถประชาชน ไม่เป็นภัยพิบัติต่อสังคมเหมือนทุกวันนี้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกระจายอำนาจ บริหารงานยุติธรรม แยกงานสอบสวน ที่เน้นการอำนวยความยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา ไม่ขายสำนวน และเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ให้ทำให้ปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองและผู้มีอำนาจ ลดการวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้
เมื่อมีเรื่องเหม็นๆของโจจอมโหดโผล่มา จึงเหมือน ใบเสร็จ ตอกย้ำความล้มเหลวเรื่องการปฏิรูปว่า ผ่านมา 8 ปี นับตั้งแต่ยุค คสช. แทบไม่ได้เดินหน้าไปไหนเลย
เรื่องการปฏิรูปตำรวจที่ คสช.ชูเป็นจุดขาย เป็นเพียงเฟกนิวส์ ในตอนนี้ ซึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรขยับ เพื่อไปสู่การปฏิรูปตามที่ได้ลั่นวาจาไว้
นอกจากนี้ ยังได้ขยี้แผลที่ว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการปฏิรูปตำรวจมาตั้งแต่แรก เพราะหากตั้งใจจะรื้อใหม่ให้ดีขึ้นจริง ก็ควรจะต้องมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง แต่ปัจจุบันการปฏิรูปตำรวจยังถูกแช่แข็งดองเค็ม จนจะเป็นมัมมี่ไปแล้ว
คดีโจ้ จอมโหดเกิดขึ้นมา ก็เหมือนทำปืนลั่นใส่การปฎิรูปตำรวจที่รัฐบาลสัญญาไว้ ที่ประชาชนต้องออกมาทวง เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลขยับปฏิรูปตำรวจอย่างขยักขย้อน เพียงแค่สร้างภาพ เกิดเรื่องที เกิดกระแส ถึงจะมีแอ็กชั่น แต่พอคนหลงลืม ทุกอย่างก็เหมือนหยุดนิ่ง ไม่ขยับไปไหน
ขณะที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ....รัฐสภา ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ มี วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน โดนคนดูถูกกันมาก ว่า ไร้ซึ่งความจริงใจ
เอาตั้งแต่โครงสร้างคณะกรรมาธิการ ที่วิจารณ์กันขรม จากทั้งหมด 46 คน เป็นโควตาของคณะรัฐมนตรี 8 คน ส.ว. 14 คน ส.ส. 24 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนายตำรวจถึง 13 คน ย่อมไม่ยอมให้ใครมาลดทอนอำนาจตัวเองง่ายๆ
ส่วนความคืบหน้า ยิ่งนานยิ่งสิ้นหวัง เพราะคณะกรรมาธิการชุดนี้ทำงานกันมาครึ่งปี ล่าสุดวิรัช ออกมาสารภาพว่า เพิ่งจะพิจารณาไปได้ 14 มาตรา จากทั้งหมด 172 มาตรา เรียกได้ว่า แทบไม่มีความคืบหน้าเลย
ถ้าหากไม่เกิดเรื่อง ก็ไม่มีใครรู้ว่า การปฏิรูปตำรวจที่ตั้งไข่มาตั้งแต่ยุค คสช. ใช้ระยะเวลา 8 ปี เพิ่งจะขยับเขยื้อนไปได้เท่านี้ เท่ากับปฏิรูปตำรวจ ทำกฎหมายปีละมาตราสองมาตราเท่านั้น
ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว การปฏิรูปตำรวจที่เป็นมรดกของ คสช. มันถูกบัญญัติต่อเนื่องมาในรัฐธรรมนูญปี 2560 ในหมวดว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ ในมาตรา 258 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ในเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ได้พูดถึงการปฏิรูปตำรวจเอาไว้หลายด้าน โดยเฉพาะการปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญา
แม้ว่า เป็นไฟต์บังคับให้รัฐบาลต้องทำ แต่น่าเสียดายที่ไมได้มีการกำหนดกรอบเอาไว้ว่า รัฐบาลต้องทำให้เสร็จในเวลากี่ปี เลยเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการดำเนินการแบบขอไปทีว่า ทำแล้ว แต่จะเสร็จหรือไม่ แล้วแต่เวรแต่กรรม
ว่ากันตามเนื้อผ้า หากรัฐบาล มุ่งมั่นตั้งใจจะให้การปฏิรูปตำรวจสำเร็จจริง มาคงสำเร็จมาตั้งแต่ยุค คสช. ที่มีระยะเวลาล้นเหลือ และมีอำนาจล้นฟ้า คงไม่ปล่อยตามยถากรรมมาถึงรัฐบาลเลือกตั้ง ซึ่งเต็มไปด้วยนักการเมือง ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าจะทำหรือไม่ ปฏิรูปตำรวจจึงเลือนรางเต็มทน