MGR Online - เลขา รมว.ยธ. รับเรื่องจากผู้เสียหายถูกหลอกซื้อบ้านติดบังคับคดี โดนฟ้องไล่ที่แถมผ่อนค่างวดฟรี มาขอความเป็นธรรม วอนช่วยตรวจสอบสัญญาซื้อขาย
จากกรณีมีผู้เสียหายหลายพันรายเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปราม หลังถูกบริษัท อีซีโฮม จำกัด หลอกขายบ้านติดบังคับคดีโดยอ้างประมูลได้ แต่กรรมสิทธิ์ยังเป็นเจ้าของคนเดิม และถูกฟ้องไล่ที่กลายเป็นผ่อนฟรีไม่มีบ้านอยู่ ซึ่งกรมบังคับคดี ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากบริษัท อีซีโฮม เป็นผู้ประมูลซื้อบ้านพร้อมที่ดินจากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี และชำระราคาค่าซื้อทรัพย์ครบถ้วนพร้อมรับหนังสือโอนกรรมสิทธิ์แล้ว แต่บ้านและที่ดินที่ประมูลไปนั้นบางแปลงยังคงมีภาระหนี้จำนองที่บริษัท อีซีโฮม ต้องไปชำระหนี้เพื่อการไถ่ถอนการจำนองสถาบันการเงินอยู่ ซึ่งบริษัทไม่ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนอง และไม่ไปโอนกรรมสิทธิ์เป็นของบริษัท แต่กลับนำไปขายต่อให้ผู้เสียหายจนเกิดปัญหาตามมา ล่าสุด กรมบังคับคดีกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอยู่นั้น
วันนี้ (30 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยธ. รับหนังสือร้องเรียนจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ถูกหลอกให้ซื้อบ้านผ่านกรมบังคับคดีจากบริษัท อีซีโฮม จำกัด กระทั่งในที่สุดถูกฟ้องยึดทรัพย์และถูกขับไล่ จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยธ. ให้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าวด้วย
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เผยภายหลังรับหนังสือ ระบุว่า ตนได้รับเรื่องจากศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข ซึ่งผลกระทบที่ประชาชนได้รับเกิดจากการซื้อทรัพย์แล้วอาจมีการกระทำผิดสัญญาต่อกัน ซึ่งต้องดูรายละเอียดให้แน่ชัด เพราะเรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องหลายมิติ อาทิ การซื้อทรัพย์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการนำไปทำสัญญามีการหลอกลวงประชาชนอย่างไร ทั้งนี้ ประชาชนที่เดือดร้อนสามารถมายื่นเรื่องได้ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ หรือติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ โดยตนจะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมบังคับคดีเข้าร่วมตรวจสอบคู่ขนาน เพื่อจะได้ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน รวมถึงผู้ที่เสียหายหากต้องการทนายความก็จะให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดหาให้ด้วย
“ผมอยากให้ประชาชนสบายใจไม่ต้องกังวลเพราะเราคือหน่วยงานยุติธรรม ยืนยันว่า จะเร่งตรวจสอบคดีนี้อย่างละเอียด ทุกอย่างต้องเริ่มต้นตรวจสอบที่ตัวสัญญา เพราะผู้เสียหายแต่ละโดนไม่เหมือนกัน และยังฟันธงไม่ได้ว่าเกิดการฉ้อโกงอย่างไร เพราะบริษัทเอกชนดังกล่าวมีการซื้อทรัพย์โดยถูกกฎหมาย ส่วนประโยชน์ในการขายต่อก็ต้องตรวจสอบให้ดีด้วยเช่นกัน เพื่อหาดูว่ามีการทำเป็นขบวนการหรือไม่ หรือหากทำไปแล้วชอบด้วยกฎหมายก็แสดงว่ากฎหมายมีช่องโหว่ให้เกิดการเอาเปรียบ” ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าว