กลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความตำรวจ สน.ดอนเมือง หลังถูกหลอกซื้อแพมเพิร์ส-นมผงเด็กราคาถูก มีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 200 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 6 แสนบาท
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ สน.ดอนเมือง น.ส.บุษบง เริงเกษกรรม ตัวแทนผู้เสียหาย พร้อมกลุ่มผู้เสียหาเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.พิพัฒน์พงษ์ เพิ่มพูน รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ดอนเมือง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้เฟซบุ๊ก Minni Melissa ที่อ้างว่ามีสินค้าประเภทแพมเพิร์สและนมผงเด็กราคาถูก ทำให้มีเหยื่อหลงเชื่อ บางรายจะซื้อให้ผู้ป่วยโควิดติดเตียง รวมผู้เสียหายกว่า 200 รายทั่วประเทศ มูลค่ารวมกว่า 6 แสนบาท
น.ส.บุษบง ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า สืบเนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายเปิดพบเพจขายสินค้าประเภทแพมเพิร์สและนมเด็กราคาถูก จึงต้องการอุดหนุนเพื่อนำไปบริจาคให้กับน้องๆ ที่มีลูกพิการ หรือผู้ป่วย สุดท้ายเมื่อสั่งสินค้าโอนเงินไปกลับไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลง จึงรวบรวมข้อมูลและผู้เสียหายรายอื่นๆ มาแจ้งความดำเนินคดี ทั้งนี้เหยื่อบางรายต้องการซื้อเพื่อไปต่อยอดเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บมาทั้งชีวิตแต่ก็มาถูกหลอก ล่าสุดมีผู้เสียหายที่ลงทุนไปกว่า 1 แสนบาท โทรมาคุยกับตนว่าเงินก้อนนี้เป็นก้อนสุดท้ายที่เก็บไว้มาลงทุน คิดมากจนถึงขั้นจะกินยาฆ่าตัวตาย ฟังแล้วก็เห็นใจอยากให้ผู้กระทำผิดออกมาคุยออกมาเจรจากัน ไม่ใช่ปิดเพจ-เฟซบุ๊กหนีแบบนี้
ด้านนางสาวสุดธิดา มาตรโคตร อายุ 32 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า สินค้าที่ลงขายราคาจะถูกกว่าท้องตลาดค่อนข้างเยอะ มีโปรซื้อ 2 แถม 2 มีลดเปอร์เซ็นต์ เช่น นมผงเด็ก ราคาที่อื่นขายกล่องละ 2,800-2,900 บาท แต่เอามาขาย 2,400 บาท แพมเพิร์ส จาก 300 บาท ลดเหลือ 200 กว่าบาท แรกๆ ส่งของให้แต่ช้า หลังๆ ไม่ส่งเลย ที่ผ่านมามีการติดต่อให้มาไกล่เกลี่ยคืนเงินตลอดสุดท้ายก็ไม่มาตามนัด ในส่วนของตนถูกหลอกซื้อนมผงที่จะเอามาให้ลูกวัย 10 เดือน เป็นเงิน 2,319 บาท ครั้งแรกสั่งไปก็ได้สินค้ามาแต่ใช้เวลานานกว่า 2 เดือน ส่วนการชำระเงินก็จะมีการโอนไปยังบัญชีผู้ก่อเหตุ หรือบัญชีคนอื่น แต่ที่ทำให้เหยื่อบางรายเสียเงินหลายครั้งเพราะมีการให้โอนเข้าที่บัญชีรูปแบบบริษัท
ทั้งนี้เท่าที่หาข้อมูลมาพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นภรรยาตำรวจนายหนึ่งรับราชการในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด มีการให้โอนเงินเข้าบัญชีตำรวจคนนี้หลายครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อสอบถามไปหาตำรวจนายดังกล่าวอ้างว่าไม่ได้ติดต่อกันแล้ว และจากข้อมูลที่หามายังพบว่า ผู้ก่อเหตุเคยตกเป็นข่าวขับรถฝ่าเคอร์ฟิวขนหน้ากากอนามัยกว่า 7,500 ชิ้น ซึ่งถือว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ในช่วงที่มีการประกาศเคอร์ฟิว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะทำการตรวจสอบในรายละเอียด หากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบถามต่อไป