MGR Online - ดีเอสไอ ตามจับกุมผู้ต้องหารายที่ 3 ขบวนการใช้บัตรเครดิตปลอมรูดเงินผ่านเครื่องรูดบัตร ทำให้ธนาคารเสียหายกว่า 20 ล้านบาท รับเป็นผู้เปิดบัญชีไว้โอนถ่ายเงิน
วันนี้ (25 ส.ค.) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ดีเอสไอ ทำการจับกุม นายสมชาย โกษาแสง ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีพิเศษที่ 52/2550 ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ 1171/2551 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2551 ในความผิดฐานร่วมกับพวก รวม 5 ราย ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม (ซึ่งเป็นบัตรที่ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด) โดยติดตามจับกุมได้ที่ บริษัท วชิระยนต์ จำกัด เลขที่ 99/171 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 64 และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยเมื่อวันที่ 24 ส.ค. พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ได้นำตัวฝากขัง ณ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ภายใต้มติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.ยธ) ที่กำหนดให้เปลี่ยนแปลงสถานที่ควบคุมผู้ต้องหาเข้าใหม่จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
จากการสอบสวน นายสมชาย ทำหน้าที่เป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับโอนเงินจากบัญชีของร้านพลอย หรือ บิวตี้เฮ้าส์ แล้วทำการยักย้ายถ่ายโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารอื่นๆ ที่กลุ่มผู้ต้องหาได้วางแผนไว้ การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามมาตรา 269/4 ประกอบมาตรา 269/7 และมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต่อมา ดีเอสไอรับกรณีดังกล่าวไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 52/2550 และได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติต่อศาลจังหวัดพระโขนง ออกหมายจับนายสมชาย โกษาแสง ตามฐานความผิดดังกล่าว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อระหว่างวันที่ 20 ก.ย.- 3 ต.ค. 49 นายสมชาย โกษาแสง ผู้ต้องหา กับพวก รวมถึง นายสุเมธ แซ่อุ้ย ที่ดีเอสไอได้จับกุมตัวก่อนหน้านี้ ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม (บัตรเครดิต) รูดผ่านเครื่องรับรูดบัตรเครดิตของร้านบิวตี้เฮ้าส์ หรือร้านพลอย โดยออกอุบายเพื่อให้ได้มาซึ่งเครื่องรับรูดบัตรเครดิตจาก “ร้านพลอย” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “ร้านบิวตี้เฮ้าส์” จากนั้นนำบัตรเครดิตปลอม นำมารูดผ่านเครื่องรับรูดบัตรเครดิตดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โอนเงินให้ตามธุรกรรมจากบัตรเครดิตที่เกิดขึ้นจำนวนหลายครั้ง มีมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม นายสมชาย นับเป็นผู้ต้องหารายที่ 3 ในคดีนี้ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ดีเอสไอ จับกุมได้ภายในระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา