“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 ตอน ผู้ว่าฯ คนจริง "วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี" ทำไมชิงลาออก!?
นักรบตัวจริงในสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด ต้องยอมรับและยกย่องให้ นายวีระศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด สมุทรสาคร เป็นผู้ที่เหมาะสมควรได้เกียรติยศนักรบตัวจริง สู้โควิด
เพราะวีระศักดิ์ หรือผู้ว่าฯปู ผ่านประสบการณ์แก้ไขปัญหาโควิดมาแล้วสองรอบอย่างหนักหน่วง จนเคยโดนโควิดเล่นงานในคราวโควิดระบาดรอบ 2 ถล่มมหาชัยจนที่นั่นแทบจะเป็นเมืองร้าง
ผู้ว่าฯปู แทบเอาชีวิตไม่รอด ติดเชื้อโควิดต้องนอนป่วย อาการโคม่าในห้องไอซียูอยู่สามเดือน เรียกว่ารอดเสียชีวิตมาได้ก็ด้วยปาฏิหาริย์แท้ๆ พอลุกจากเตียงคนป่วยมาได้ ก็ไม่ขยาดหวาดหวั่น กลับมาทำหน้าที่ คุมทัพข้าราชการสู้กับโควิดต่อ และโควิดระบาดรอบ3 นี้ ผู้ว่าฯปูก็ปักหลักรับมือในสมรภูมิเชื้อโรคที่มหาชัย
แต่มาวันนี้ อย่างที่ไม่มีใครคาด ผู้ว่าฯปู ประกาศลาออกจากราชการ ก่อนเกษียณหนึ่งปี ด้วยเหตุผลขอย้ายเปลี่ยนจังหวัดเพราะสุขภาพไม่ดี สู้ไม่ไหวแล้ว ทำเอาแฟนคลับทั้งประเทศ ใจหายและอดสงสัยไม่ได้ว่า เกิดปัญหาอะไรแน่กับผู้ว่าฯปู !?
ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯปู เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่ติดดิน อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน ตั้งใจทำงาน และมีหลักการทำงานที่รวดเร็วฉับไว กล้าคิดนอกกรอบ เพื่อแลกกับผลประโยชน์ส่วนรวม
ประชาชนทั่วประเทศ ได้รู้จักผู้ว่าฯปู ผ่านทางเฟซบุ๊กเพจ ‘วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี’ ซึ่งมีคำอธิบายใต้ชื่อว่า เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นช่องทางที่ใช้สื่อสารกับประชาชน ได้สร้างพลังที่สำคัญทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งผู้ว่าฯปูเป็นผู้ดำเนินรายการหลัก เพื่อเป็นการแจ้งข่าวสาร และตอบข้อคำถามของประชาชน
ความโดดเด่นของเพจนี้ คือแสดงความคิดเห็นกับนโยบายโควิด-19 ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. อย่างตรงไปตรงมา
และสอดคล้องกับความเป็นจริงของผู้ปฏิบัติงานในโลกจริง ภาคสนามที่ต่อสู้กับการระบาดและความเป็นความตายของผู้คน รวมถึงภาระหนักของทีมบุคลากรทางแพทย์ด่านหน้าโดยตรง
ตัวอย่างที่เด่นชัด จากการที่ผู้ว่าฯปูแชร์คลิปวิดีโอ ที่มาจากกล้องวงจรปิดทีมแพทย์ รพ.สมุทรสาคร เป็นลมตอนรักษาคนไข้ จากร่างกายที่เหนื่อยล้าโหมงานมาหลายเดือน และอากาศที่ร้อน ทำให้ล้มลงไปต่อหน้าคนไข้ พร้อมโพสต์และเขียนแคปชัน ว่า
‘ ...เรียมเหลือทนแล้วนั่น เห็นคลิปแล้ว ยังทนไหว ยังคิดว่าเหมาะสมแล้ว ที่จะตั้งกฏเกณฑ์มากมายกับการรับวัคซีนไฟเซอร์ ของบุคลากรการแพทย์ ใจทำด้วยอะไรกันครับ… ‘
ความอัดอั้นตันใจเรื่องการดูแลบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่แถวหน้าของการเผชิญโรคร้าย ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์ ได้โพสต์เรียกร้องวัคซีนไฟเซอร์อย่างต่อเนื่อง และแสดงความคิดเห็น เรื่องว่า
“อย่าลืมนะครับว่า รพ.หนึ่งแห่ง ทั้งรัฐและเอกชน สำคัญหมดทั้งหมอ พยาบาล จนท. ยาม พลเปล แม่บ้าน รวมไปถึงบุคลากรของสาธารณสุขทุกระดับ ตัวเลขก็มีอยู่แล้ว ตามที่ให้จังหวัดสำรวจไป ยึดตัวเลขนั้นเถอะครับ ส่วนจะปรับวิธีการฉีดอย่างไร ให้เป็นเรื่องที่คุณหมอในจังหวัดจะคุยกันเอง
หลักเกณฑ์เป็นเรื่องที่ดี แต่ในยามศึกสงครามโควิดเยี่ยงนี้ ขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ต้องมาก่อนครับ #ผู้ว่าฯไม่ได้ฉีดด้วยนะ…”
หรือ ก่อนหน้านี้ จังหวัดสมุทรสาคร มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งไม่หยุด ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์ สั่งลดขั้นตอนทางสาธารณสุข พร้อมบอกว่า ความเป็นความตายต้องมาก่อนระเบียบหยุมหยิม พร้อมประกาศรับผิดชอบเอง
เขาสั่งรีบแยกผู้ป่วยเข้าศูนย์พักคอย ที่รอการนำส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลทันที เพราะโรงพยาบาลสนามทั้ง 7 แห่ง คงเตียงว่างรวมกันที่ 189 เตียง และโรงพยาบาลสนามในชุมชน หรือศูนย์พักคอยคนสาคร CI Community Isolation 33 แห่ง
เปิดดำเนินการได้แล้ว 13 แห่ง แต่ยังไม่สามารถรับผู้ติดเชื้อในชุมชนเข้ามาได้เต็มที่ เนื่องจากติดขัดในขั้นตอนของการคัดกรองผู้ติดเชื้อ ทำให้เกิดการล่าช้า
จากกระบวนการหรือขั้นตอนการรับผู้ติดเชื้อในชุมชนเข้าสู่ศูนย์พักคอยคนสาคร มีความล่าช้านั้นเอง ผู้ว่า ฯ วีระศักดิ์ จึงได้ตัดสินใจให้สั่งโหลดหรือนำผู้ป่วยเข้าเลย โดยกล่าวหนักแน่นว่า
“ถ้าระเบียบทำให้ประชาชนต้องตายเพราะไม่มีที่กักตัว โปรดจงก้าวข้ามระเบียบนั้น แล้วบอกว่า ต้องทำ เพราะผมเป็นคนสั่งเอง ….ให้มันรู้ไปว่าระเบียบกับความตาย อะไรสำคัญกว่า”
หรือแม้กระทั่งออกมาเปิดหน้าทวงวัคซีนให้กับจังหวัดอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เมื่อจังหวัดสมุทรสาครพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 171 ราย แต่ได้รับการจัดสรรวัคซีนมาในเดือกรกฎาคม 2564 จำนวน 70,000 โดส ซึ่งถือว่าน้อยมาก จากเดิมจะได้รับการจัดสรร จำนวน 3 แสนกว่าโดส
โดยผู้ว่าฯปู ย้ำว่า สมุทรสาครเป็นศูนย์กลางโรงงานที่สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย 5-6 แสนล้านบาทต่อปี ด้วยปัจจัยเหล่านี้ควรจัดสรรวัคซีนให้จังหวัดสมุทรสาคร ไม่ควรจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่
ตามมาด้วยการแสดงความเห็นที่แสบทรวงมาก อีกครั้ง ที่ผู้ว่าฯ สมุทรสาครคนนี้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีข้อความระบุว่า
.
“อย่ามีโรงพยาบาลสนามไว้ถ่ายรูป ผมบอกกับคนที่เกี่ยวข้อง และทำงานด้วยกันเสมอ ตั้งแต่เป็นนายอำเภอใหม่ๆว่า งานของเรา มีทั้งเกียรติและหน้าที่ อย่าเลือกทำเฉพาะงานที่เขาให้เกียรติ ละเลยงานในหน้าที่ไป โดยเฉพาะการ “บำบัดทุกข์บำรุงสุข”
อย่าเลือกทำเฉพาะงานตัดริบบิ้น คล้องพวงมาลัย ให้โอวาท หรือทอดผ้าบังสุกุล ฯลฯ จนลืมไปว่างานในหน้าที่คืออะไร...
...อย่านึกว่ามี รพ.สนามแล้วคือยันต์ศักดิ์สิทธิ์ ทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ ปล่อยให้ภาพแวดล้อมของโรงงานไม่ดี พนักงานโรงงานอยู่กันตามมีตามเกิด มี รพ.สนามไว้แค่ถ่ายรูปก็พอแล้ว หากเป็นอย่างนี้ ไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวมอย่างนี้ ต้องเจอกันครับ...”
การทำงานอย่างหนักและลุยแสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียพื้นที่รับผิดชอบของตัวเอง สื่อสารกับทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ดังที่ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์ กล่าวถึงชีวิตราชการก่อนที่จะติดโควิด-19 ว่า
"เหลืออีก 2 ปี จะเกษียณอายุ ไม่มีใครอยากเกษียณ พร้อมกับปัญหาคาราคาซังอยู่ ความมุ่งมั่นเดียวจึงเป็นการทำอย่างไรก็ได้ให้มหาชัย สมุทรสาคร กลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิม"
.
จากพัฒนากรดีเด่น ระดับจังหวัด ข้าราชการพลเรือนดีเด่นระดับประเทศ นายอำเภอที่มีผลงานดีเด่นระดับจังหวัด รางวัลนักบริหารดีเด่นแห่งปี รวมถึงรางวัลผู้ว่าฯ "สำเภาทอง" ที่ได้รับรางวัลถึง 2 ปีติดต่อกัน คือ ประจำปี 2561 และ 2562 และในปี 2563 ก็ได้รับ รางวัลผู้ว่าราชการจังหวัด To Be Number One ดีเด่น
ก่อนจะถึงวันครบเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย. 2565 วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ตัดสินใจลาออกก่อนเกษียณ ถ้าเป็นเพราะขอย้ายออกจากสมุทรสาคร ไม่ได้ ก็ผิดหลักการปกครองที่ผู้มีอำนาจไม่คิดถึงคนทำดีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในหน้าที่ แต่กลับไม่มีการปูนบำเหน็จรางวัล
แต่คิดว่า การตัดสินใจไขก๊อกของผู้ว่าฯวีระศักดิ์ น่าจะมีปัญหาเรื่องอื่นด้วย ที่เห็นร่องรอยชัดๆก็คงหนีไม่พ้น เรื่องที่ ผู้ว่าฯวีระศักดิ์คิดและทำต่างจากรัฐบาลนี้อย่างสิ้นเชิง และรัฐบาลก็ไม่ยอมรับความคิดวิธีการผู้ว่าฯปู จนมาสู่จุดแตกหัก ทางใครทางมัน