MGR Online - ปคบ.ร่วม อย.วางแผนจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายและสถานที่ผลิต “ยาฟาวิพิราเวียร์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและชุดตรวจโควิด” ปลอม ยึดของกลางเพียบ มูลค่า 3 ล้านบาท
วันนี้ (13 ส.ค.) เวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. และ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขายผลิตภัณฑ์ยา (ยาฟาวิพิราเวียร์) ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (เหลียนฮัว ชิงเวิน แคปซูล) และเครื่องมือแพทย์ (ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19) โดยไม่ได้รับอนุญาต มูลค่าของกลางกว่า 3,000,000 บาท
พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้มีผู้ลักลอบนำผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาว่าสามารถยับยั้ง บรรเทา หรือป้องกันการติดเชื้อโควิด และเครื่องมือแพทย์ เช่น ชุดตรวจหาเชื้อโควิด มาจำหน่ายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศโดยไม่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานและไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบสถานที่ผลิต สถานที่จำหน่ายและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ
พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวน เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับ อย. จับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร (เหลียนฮัว ชิงเวิน แคปซูล) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานและไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ก่อนขยายผลทราบว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวถูกส่งมาจาก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ต่อมา วันที่ 10 ส.ค. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และนำหมายค้นของศาลจังหวัดสระแก้วเข้าตรวจค้นรีสอร์ท ต. บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บผลิตภัณฑ์ยาฟาวิพิราเวียร์, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (เหลียนฮัว ชิงเวิน แคปซูล) และชุดตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยสามารถจับกุมตัว น.ส. ยุวดี (สงวนนามสกุล) ซึ่งรับว่าเป็นเจ้าของ พร้อมตรวจยึดผลิตภัณฑ์ยาฟาวิพิราเวียร์ ขนาด 200 มิลลิกรัม จำนวน 2,000 เม็ด ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (เหลียนฮัว ชิงเวิน แคปซูล) 38,400 แคปซูล และชุดตรวจหาเชื้อโควิด 19 จำนวน 6,600 ชุด นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ด้าน ภญ.สุภัทรา เผยว่า ปัจจุบันเมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด และเข้ารับการรักษาในระบบที่รัฐจัดเตรียมไว้ให้ จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ยาฟาวิพิราเวียร์จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ที่ต้องสั่งจ่ายและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยจำเป็นต้องติดตามอาการข้างเคียงและผลการรักษาระหว่างการใช้ยา และการใช้ยาในผู้ป่วยบางกลุ่มจะต้องคำนึงถึงประโยชน์และความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการใช้ยาโดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ผู้ป่วยจะต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำ การใช้ยาที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยาได้ง่าย ส่งผลให้ใช้ยาไม่ได้ผลเมื่อเกิดการติดเชื้อเป็นเหตุให้ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด
“ส่วนกรณีชุดตรวจโควิดด้วยตนเองจะต้องซื้อจากร้านขายยาแผนปัจจุบัน ไม่ควรหาซื้อชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองผ่านทางสื่อออนไลน์ หรือแหล่งอื่นๆ เพราะเภสัชกรจะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการใช้ชุดตรวจ ทั้งวิธีการใช้ วิธีการเก็บตัวอย่าง วิธีการแปลผล ข้อปฏิบัติตัวหลังทราบผลการตรวจ และการทิ้งชุดตรวจที่ใช้แล้วอย่างเหมาะสม เนื่องจากเป็นขยะปนเปื้อนหรือขยะติดเชื้อ เพื่อป้องกันการได้รับผลิตภัณฑ์เถื่อน ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน เสี่ยงต่อการนำไปใช้และแปลผลผิดพลาด”
เบื้องต้น การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท, ฐาน “ขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนยา” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท พระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 ฐาน “ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ฐาน “ขายเครื่องมือแพทย์โดยผิดเงื่อนไขตามมาตรา 6(10)” มีโทษ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท