MGR Online - ญาติร้องกองปราบรับโอนคดี หนุ่มเมืองคอนถูกลูกน้องนักการเมืองท้องถิ่นยิงถล่มจนร่างพรุน หวั่นอิทธิพลมืดคุกคามจนไม่ได้รับความเป็นธรรม
วันนี้ (11 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม น.ส.ธัญยภรรณ มากช่วย อายุ 42 ปี พี่สาวของ นายติณศรุต มากช่วย อายุ 28 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกกลุ่มคนร้ายใช้ยิงถล่มจนร่างพรุนเสียชีวิต บริเวณสี่แยกท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุชาติ อิ่มสวัสดิ์รอง.ผกก.สอบสวน กก.5.บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม พร้อมทั้งขอให้มีการโอนสำนวนคดีมาให้กองปราบปราม เป็นผู้ดำเนินการแทน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยนำคลิปวิดีโอที่เกิดเหตุและพยานหลักฐานอื่นๆ มามอบให้กับพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุ นายสุรพงศ์ ทองเกิด หรือ บอย และ นายอรรถพล คุ้มเดช หรืออรรถ ได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับทาง สภ.ท่าศาลา หลังตกเป็นผู้ต้องหา ก่อนจะให้การปฏิเสธ
น.ส.ธัญยภรรณ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุอดีตแฟนสาวของน้องชายได้โทรศัพท์นัดน้องชายขับรถไปหา เมื่อไปถึงก็พาอดีตแฟนสาวขับรถมาจอดที่หน้าร้านน้ำชาของตนเองเพื่อทำธุระ จากนั้นแฟนใหม่ของอดีตแฟนสาว น้องชายก็ขับรถจักรยานยนต์ตามมาจอด เพื่อพูดคุยกับฝ่ายหญิง พร้อมกับโทรศัพท์เรียกพวกให้ตามมายังที่เกิดเหตุ จากนั้นไม่นานพวกของฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ได้นำปืนมาให้ ก่อนจะยิงน้องชายจนเสียชีวิตอย่างเหี้ยมโหด ทั้งที่อยู่ห่างโรงพักเพียงเล็กน้อย อีกทั้งการสืบสวนของตำรวจพื้นที่ ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของกล้องวงจรปิด ทำให้เกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า
“สำหรับผู้ก่อเหตุยิงมี 2 คน ใช้อาวุธปืนคนละกระบอกยิงน้องชายจนหมดแม็กกาซีน ซึ่งก่อนหลบหนียังได้เหยียบศีรษะน้องชายด้วย โดยผู้ก่อเหตุทั้งสองเป็นคนขับรถของ นายก อบต.ท่าศาลา และคนขับรถของ รองนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งหลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุทั้งสองได้เข้ามอบตัวแล้ว แต่เกรงว่าคดีจะไปไม่สุดทางเนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพล จึงอยากให้กองปราบปรามลงไปทำคดีแทน อีกทั้งยังมีผู้ร่วมก่อเหตุอีกหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ จึงอยากให้มีการทำคดีนี้อย่างละเอียด
ด้าน นายไพศาล กล่าวว่า จากพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุถือว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต เพราะมีการเรียกพวกให้นำปืนมาให้เพื่อก่อเหตุ ไม่ได้เป็นการบันดาลโทสะ
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้สอบปากคำญาติผู้เสียหาย เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป