xs
xsm
sm
md
lg

อัยการสูงสุดชง เลขาฯ ครม.โปรดเกล้าฯย้อนหลังปี 63 แต่งตั้ง “อัยการปรเมศวร์ “เป็นผู้ตรวจการอัยการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด
อัยการสูงสุดชง เลขาฯ คณะรัฐมนตรี โปรดเกล้าฯย้อนหลังปี 63 แต่งตั้ง “อัยการปรเมศวร์” นั่งผู้ตรวจการอัยการ

วันนี้ (7 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้มีหนังสือถึง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการอัยการ ลงวันที่ 2 ส.ค. ความว่า ในการประชุม ก.อ. ครั้งที่ 9/2563 วันที่ 9 ก.ย. 2563 ได้มีมติให้ความเห็นชอบในการเลื่อน นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี ขึ้น แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2563 เป็นต้นไป

แต่เนื่องจาก นายปรเมศวร์ ผู้ได้รับการเสนอแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีขับรถยนต์ในขณะมึนเมา เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ สำนักงานอัยการสูงสุด จึงเสนอ ก.อ.เพื่อขอชะลอการเสนอขอนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการอัยการรายนายปรเมศวร์ จนกว่าจะได้ข้อยุติที่ชัดเจนความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี
บัดนี้ การดำเนินคดีอาญากับนายปรเมศวร์ ถึงที่สุดแล้ว แต่การที่ นายปรเมศวร์ ถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับคดีจราจรกรณีขับรถยนต์ในขณะมึนเมา เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายอาจเข้าข่ายเป็นความผิดทางวินัยกรณีเป็นข้าราชการอัยการกระทำผิดอาญาหรือกระทำการอันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา 68 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 อัยการสูงสุดจึงได้มีคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 1139/2564 ลงวันที่ 29 มิ.ย. 2564 มอบหมายให้ นายสนทรรศ สิงหพัศ รองอัยการสูงสุด ทำการสอบสวน โดย นายสนทรรศ พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายปรเมศวร์ เป็นการกระทำความผิดวินัยเล็กน้อย เห็นควรให้งดโทษ โดยให้ว่ากล่าวตักเตือนและอัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว โดยรับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ประกอบเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าว ในการประชุมครั้งที่ 7/2574 เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2564 อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยเล็กน้อยให้งดโทษโดยให้ว่ากล่าวตักเตือนตามนัยความเห็นของ ก.อ.ดังกล่าว และได้เสนอให้ ก.อ.พิจารณาซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการดำเนินคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับคดีจราจรและการสอบสวนขั้นต้นในกรณีข้าราชการอัยการกระทำผิดอาญาดังกล่าวได้สิ้นสุดแล้ว และเห็นควรนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาแต่งตั้งนายปรเมศวร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป

โดยท้ายหนังสือ ระบุว่า ตามมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 บัญญัติว่า “การแต่งตั้งข้าราชการอัยการให้ดำรงตำแหน่งนอกจากตำแหน่งอัยการผู้ช่วยอัยการอาวุโส รองอัยการสูงสุด และตำแหน่งอัยการสูงสุด ให้ประธาน ก.อ. เสนอ ก.อ. โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ ความรับผิดชอบประวัติการปฏิบัติราชการ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลนั้นเทียบกับงานในตำแหน่งข้าราชการอัยการที่จะได้รับแต่งตั้งนั้นๆ เพื่อให้ความเห็นชอบก่อนเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วจึงนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง สำนักงานอัยการสูงสุด จึงขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานเลขาฯ ครม.พิจารณาซึ่งหากมีโปรดเกล้าฯนายปรเมศวร์ เป็นผู้ตรวจการอัยการลงมา ในช่วงการเเต่งตั้งโยกย้ายปีงบประมาณใหม่ นายปรเมศวร์ จะขึ้นนั่งรองอัยการสูงสุด

สำหรับคดี นายปรเมศวร์ ศาลจังหวัดนนทบุรี มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 64 ว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(2), 160 ตรีวรรคสองจำคุก 1 ปี และปรับ 4หมื่นบาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 2 หมื่นบาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจจึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง กับให้จำเลยทำกิจกรรมบริการสังคม หรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรมีกำหนด 24 ชั่วโมง

โดยคดีนี้เป็นคดีระหว่าง พ.ต.ท.รพีพงศ์ จิตต์บุญธรรม พนักงานสอบสวน กล่าวหา นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อายุ 62 ปี (ในขณะนั้น) ผู้ต้องหาในความผิดฐานความผิดขับขี่รถขณะเมาสุรา หรือของมึนเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับอันตรายแก่กายจิตใจ, ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน, ขับรถเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี และกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายจิตใจ

กรณีเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2562 เวลาประมาณ 22.30 น. ผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์ยี่ห้อนิสสันทะเบียน 7 กส 2300 กรุงเทพฯ เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่นเคอาร์สีเขียว (ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน) มีนายธรรมรัตน์ ทองทวี เป็นผู้ขับขี่ และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ 125 ไอ สีแดงดำ ทะเบียน 8 กร 6848 กรุงเทพฯ มี นายธันณเรศ ร้อยกรอง อายุ 21 ปี เป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้นายธรรมรัตน์ได้รับบาดเจ็บและรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายและไม่หยุดลงมาช่วยเหลือ แต่มีพลเมืองดีติดตามไปทันที่บริเวณทางเข้าวัดหูช้าง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงจึงได้เชิญตัวมาที่ สภ.บางกรวย แล้วต่อมาได้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คือ 87 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เหตุเกิดถนนนครอินทร์ (ขาออก) หน้าปั๊มคาลเท็กซ์หมู่ 3 ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี ยื่นฟ้องเฉพาะในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยสั่งไม่ฟ้องข้อหาชนเเล้วหนี ซึ่งตามขั้นตอนต้องส่งให้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พิจารณาทำความเห็นเเย้ง โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ทำความเห็นเเย้งมา

แต่ต่อมาอัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องตามความเห็นของพนักงานอัยการที่สั่งไม่ฟ้องข้อหาชนแล้วหนี และจำเลยให้การรับสารภาพจนศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งทางอัยการมีความเห็นไม่ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลจังหวัดนนทบุรี สำนวนจึงถูกส่งไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 มีความเห็นเเย้งให้ยื่นอุทธรณ์คดีขอให้ลงโทษสถานหนักต่อ ขั้นตอนต้องส่งอัยการสูงสุดชี้ขาดตามกฎหมาย ต่อมาอัยการสูงสุดชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดีต่อ คดีจึงยุติดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น