รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 21 ก.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ วิกฤตศพโควิด ล้นวัด เตาเผาพัง เมธุระเบิด
ปัจจุบันจากตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ โควิด-19 ในแต่ละวันพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลกระทบไปถึงการจัดหาวัดเพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจ มี ร่างผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งเข้ามาวันละ 3-5 ศพ
.
บริการฌาปนกิจ ทั้งศพผู้เสียชีวิตทั่วไปกับผู้เสียชีวิต เพราะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันพระสงฆ์ตามวัดในพื้นที่จะทำการฌาปนกิจกันอย่างหนักหน่วง เหนื่อยล้า เพื่อให้บริการประชาชนถึงดึกดื่น ตี 1 ตี 2
เพราะในแต่ละวันมีศพผู้ป่วยโควิด-19 ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้วัดต่างๆ ทั่วประเทศต่างประสบปัญหาเตาเผาใช้งานหนัก เกรงว่าจะทนทานไม่ได้ ถึงขั้นระเบิด หรือแตก หากต้องเผาศพวันละหลายศพจนแทบไม่มีเวลาได้พัก
นอกจากนี้ปัญหาเริ่มต้นคือ ไม่มีที่ใดรับฝากเก็บศพโควิด โรงพยาบาลหรือมูลนิธิต่างๆ ไม่มีแห่งใดรับฝากศพผู้ป่วยโควิด ปกติศพผู้ป่วยโควิดต้องรีบปล่อยออก เมื่อถึงวัดก็สวดจบเดียวแล้วเผาทันที
กระทรวงสาธารณสุข มีข้อกำหนดแนวทางการจัดการศพผู้ป่วยโควิดที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอน มีการควบคุมสารคัดหลั่งโดยเก็บไว้ในถุงล็อกกันน้ำอย่างน้อย 2 ชั้น ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทาด้านนอกถุง ห้ามเปิดถุงเก็บศพโดยเด็ดขาด ไม่มีการอาบน้ำ รดน้ำศพและฉีดยารักษาศพ
ภาพวิกฤตการฌาปนกิจโหมทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังกรณีของ ลุงต้อย สัปเหร่อของวัดสุทธาวาส (ใหม่ตาสุต) เขตธนบุรี ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อหลายวันก่อนว่า
ขอความกรุณาวัดในฝั่งธนฯ ช่วยกันเผาหน่อย วัดที่เผาเตาจะไม่ไหวแล้ว เผามา 43 ศพแล้วช่วยกันหน่อย
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า ใครมีชุดป้องกันโควิด ชุดพีพีอี หรือ เครื่องแต่งกายพิเศษและวัสดุอุปกรณ์ที่บุคคลใช้สวมใส่ปกปิดร่างกาย เพื่อป้องกันการ สัมผัสกับเชื้อโรค ช่วยป้องกัน และ ลดโอกาสติดเชื้อ และถุงมือ
เพราะเจ้าหน้ายังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันเลย เผามา 40 กว่าศพ ใช้ชุดไป 8 ชุด ไม่ไหวก็ต้องไหว ถึงตัวเองจะตายก็ไม่ทิ้งทำให้ทุกศพ
.
ข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ บอกว่า พื้นที่กรุงเทพฯ มีวัด 456 วัด เป็นวัดที่มีเตาเผาศพจำนวน 310 วัด แต่ศพล้นวัดทุกแห่ง เพราะคนตายเพราะโควิดเพิ่มขึ้น และต้องรีบเผา ทำให้คิวแน่น
และเมื่อมาเปิดดูประกาศของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้คำแนะนำและแนวทางการเข้าร่วมงานฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด ถือเป็นการตายโดยโรคธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องมีการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การเสียชีวิตดังกล่าว จะไม่มีการแพร่เชื้อ เนื่องจากเชื้อโรคจะติดต่อกันจากสารคัดหลั่งเท่านั้น การเสียชีวิตจากเชื้อโควิด จึงควรจัดการศพโดยการเผาหรือการฝังศพได้ โดยห้ามเปิดถุงศพอย่างเด็ดขาด
และการจัดงานควรดำเนินการตามมาตรการของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ควรมีการดูแลและจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการดูแลและป้องกันตนเอง เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ลดวันสวดเหลือ 1 วัน เพราะศพผู้ป่วยไม่ได้ฉีดน้ำยารักษาสภาพศพ
.
นอกจากนี้สิ่งไม่ควรทำคือไม่ควรแกะเปิดถุงห่อศพที่โรงพยาบาลห่อไว้เด็ดขาด เพราะเป็นการบรรจุศพผู้ป่วยทางโรงพยาบาลได้จัดการฆ่าเชื้อมาให้อย่างดีแล้ว ใส่ถุงซิป 3 ชั้น ทุกชั้นมีน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนบรรจุลงโลง
และการเผาศพที่ต้องใช้ความร้อนกว่า 1,000 องศาเซลเซียส
กรณีเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด ให้ใช้เตาเผาศพเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการเผากลางแจ้ง ต้องใช้เตาเผาศพปลอดมลพิษแบบสองห้องเผา โดยต้องควบคุมอุณหภูมิในห้องเผาศพ ไม่น้อยกว่า 760 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิในห้องควันไม่น้อยกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ตลอดระยะเวลา
.
ในระหว่างการเผาศพ ไม่ควรเปิดประตูเตาเผาศพ และหลีกเลี่ยงการเขี่ยศพหรือพลิกศพ เมื่อเผาศพเสร็จเรียบร้อยแล้วถือได้ว่าเชื้อโรคถูกเผาทำลายไปหมดแล้ว ดังนั้นให้ดำเนินการเก็บกระดูกเพื่อนำไปบำเบ็ญกุศลต่อไป
.
สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ การฌาปนกิจหรือเผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิดยังเป็นไปตามการจัดเท่าที่เป็นไปได้ ตามความพร้อมของทางวัด ซึ่งไม่ได้เตรียมการมากไปกว่าภาวะปกติ นอกจากอุปกรณ์ป้องกันที่มีอย่างเข้มงวด
เตาเผาศพที่ใช้งานติดต่อกันจะระเบิดหรือเสียหายจากความร้อนสะสม แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อมีศพมาพึ่งพาถึงวัด วัดก็ต้องช่วยเผากันไปให้เสร็จพิธี และในกระบวนการเผาศพของผู้ที่เสียชีวิตจากเชื้อโควิดก็ค่อนข้างจะยาก
เนื่องจากถุงที่หุ้มศพมาค่อนข้างจะหนาและติดไฟยาก ทำให้ต้องใช้น้ำมันในการเผาศพในปริมาณที่มากกว่าการเผาศพทั่วไป
เท่าที่เห็นพอจะพึ่งพาได้ก็คือ กองทัพบก ที่ประกาศให้การช่วยเหลือจัดการฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากโควิด -19 ในกรุงเทพมหานคร ณ ฌาปนสถานของทบ. รวมถึงการเคลื่อนย้ายศพจากโรงพยาบาลไปยังวัด ลดภาระครอบครัว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ ฌาปนสถานของกองทัพบก ได้แก่ วัดโสมนัสวรวิหาร และวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ซึ่งไม่เพียงพอต่อภาวะศพล้นอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นได้เวลาที่ ‘วัดพร้อม’ ในการบริการฌาปนกิจโดยไม่ทำการเผาศพจนเตาเผาพัง เมรุระเบิด
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต้องร่วมเป็นเจ้าภาพกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อสร้างศูนย์กลางของข้อมูลเรื่องฌาปนกิจศพที่เสียชีวิตจากโควิด-19 เตรียมพร้อมรับมือ ก่อนที่จะสายไปกว่านี้