MGR Online - “กรมราชทัณฑ์” ตรวจโควิดเชิงรุก มีผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 1,049 ราย เร่งคัดแยกกลุ่มเสี่ยง ทยอยฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเปราะบาง พร้อมเฝ้าระวังแพร่ระบาด
วันนี้ (21 ก.ค.) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ก.ค. 64 เวลา 16.00 น.) ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,049 ราย (ในเรือนจำสีแดง 1,015 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 34 ราย) หายป่วยเพิ่ม 95 ราย รวมยังมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 3,824 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเป็นวันที่ 11
นายอายุตม์ กล่าวว่า วันนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อแตะหลักพันครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ซึ่งเกิดจากการเร่งตรวจหาเชื้อเชิงรุก เพื่อคัดแยกเรือนจำสีขาวที่ปลอดเชื้อและเรือนจำสีแดงที่แพร่ระบาดให้ชัดเจน อันจะเป็นประโยชน์ในด้านการควบคุมโรค และเพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาโดยเร็ว ทั้งนี้ เป้าหมายหลัก คือ ลดความรุนแรงของโรค ลดจำนวนผู้ป่วยหนัก และลดอัตราการเสียชีวิต โดยพบว่าปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวประมาณ 81.4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อได้รับการดูแลรักษาและให้ยาฟ้าละลายโจร จะสามารถหายได้ในระยะเวลา 14 วัน ขณะที่กลุ่มสีเหลืองมี 17.9 เปอร์เซ็นต์ และสีแดง 0.7 เปอร์เซ็นต์
นายอายุตม์ เสริมต่อว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อภายนอกที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น กรมราชทัณฑ์ ได้ยกระดับการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้ออย่างเคร่งครัด นอกจากการตรวจเชื้อก่อนและกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่ตามระบบแล้ว ยังป้องกันเชื้อที่อาจติดผ่านเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จึงได้จัดการปฏิบัติหน้าที่ออกเป็นชุดๆ เพื่อแต่ละชุดจะได้ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 7 วันติดต่อกัน และหมุนเวียนสลับกันตามจำนวนของบุคลากรในเรือนจำแต่ละแห่ง
โดยระหว่างการพักเวร ห้ามออกนอกพื้นที่หรือเดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยงโดยเด็ดขาด ตลอดจนมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความสะอาด การปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T และการป้องกันเชื้อโรคจากการสัมผัสสิ่งของโดยต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในทุกขั้นตอนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกรมราชทัณฑ์เชื่อมั่นว่าการดำเนินการต่างๆ เหล่านี้ จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ ยังเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนในผู้ต้องขังเพื่อป้องกัน และลดความรุนแรงของโรค โดยได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้ว เข็มที่ 1 จำนวน 53,554 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 51,581 ราย รวม 105,135 โดส ทั้งจากที่ได้รับจากกรมควบคุมโรค วัคซีนพระราชทาน และจากแหล่งอื่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสานขอรับวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อเร่งฉีดแก่ผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดในพื้นที่สีแดง ก่อนจะกระจายจนครบทุกราย ตามแผนการฉีดวัคซีนของประชาชนทั่วไป”