ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ประหารชีวิต “ผอ.กอล์ฟ” คดีฆ่า 3 ศพ ชิงทองในห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี ชี้ พฤติกรรมทารุณโหดร้าย พร้อมให้ชดใช้ผู้เสียชีวิต-ผู้บาดเจ็บ
วันนี้ (20 ก.ค.) ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำกลางบางขวาง คดีฆ่าชิงทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี คดีหมายเลขดำ อ.409/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 เเละบริษัท ออโรร่า ดีไซน์ พร้อมด้วย ผู้เสียหายรวม 10 ราย เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ กอล์ฟ อายุ 39 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสิงห์บุรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฯ, พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้อาวุธปืน และใช้ยานพาหนะ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายสาหัส, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิด โดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, ใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ฐานชิงทรัพย์ และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต รวม 9 ข้อหา ซึ่งจำเลยให้การภาคเสธ และถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง
อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา ระบุพฤติการณ์ความผิดว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 จำเลย ซึ่งมีอาวุธปืน ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ทะเบียน กท 5027346 เลขหมาย A 300638 ติดท่อเก็บเสียง 1 อัน ซองกระสุนปืนพร้อมเครื่องกระสุน ได้นำอาวุธ พร้อมเครื่องกระสุนเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรี แล้วยิง นายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้าง รวมทั้งประทุษร้ายบุคคลทั่วไปจนเป็นเหตุให้ เด็กชายภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองออโรร่า จนถึงแก่ความตาย และจำเลยยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ของบริษัท ออโรร่าดีไซน์ จำกัด ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวจำเลยได้พร้อมของกลางหลายรายการ และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ท้ายคำฟ้อง อัยการโจทก์ ขอคัดค้านการประกันตัวจำเลย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าจะหลบหนี และขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด ทั้งให้ จำเลยคืนสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 เส้น ราคา 12,300 บาท และจี้ทองคำรูปหัวจรวด น้ำหนัก 1 กรัม ราคา 1,565 บาท หรือใช้ราคาทรัพย์รวมเป็นเงิน 13,955 บาท แก่ผู้เสียหาย บริษัท ออโอร่าดีไซน์ จำกัด ด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2563 ว่า จำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (6) ประกอบมาตรา 60, 289 (6) ประกอบมาตรา 80, 289 (7),339 วรรคสอง วรรคสี่ และวรรคท้ายประกอบ มาตรา 340 ตรี, 371, 376, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรมให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 8 เดือน, ฐานมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือน, ฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก 3 ปี, ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพิ่มความสะดวกในการจะกระทำผิดให้ประหารชีวิต, ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต, ฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีและใช้อาวุธปืน และโดยใช้ยานพาหนะ ให้ประหารชีวิต และปรับ 1,000 บาท ฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จึงลงโทษบทหนักสุดให้ประหารชีวิต และปรับ 1,000 บาท ริบของกลาง อาวุธปืนและเครื่องกระสุน หมวกโม่งคลุมศีรษะสีดำ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า เสื้อยืด โทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ใช้กระทำผิด พร้อมสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แก่ผู้ร้องที่ 1 จำนวน 1.8 แสนบาท, ผู้ร้องที่ 2 จำนวน 9.9 หมื่นบาท, ผู้ร้องที่ 3 จำนวน 1.3 แสนบาท, ผู้ร้องที่ 4 จำนวน 2.2 ล้านบาท, ผู้ร้องที่ 5 จำนวน 7.5 แสนบาท ผู้ร้องที่ 6, 7 และ 8 จำนวน 2.25 ล้านบาท, ผู้ร้องที่ 9 และ 10 จำนวน 7.5 แสนบาท
จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ ซึ่งก่อนหน้านี้ จำเลยได้ชดใช้เงินบางส่วนให้กับผู้เสียหายเพื่อบรรเทาผลร้ายไปแล้วและศาลมีคำพิพากษาส่วนแพ่งให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่โจทก์เรียกร้อง
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษากันแล้วว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น โดนเตรียมการเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 289 (6) แห่งประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ เห็นว่า ในวันเกิดเหตุ คนร้ายสูง 170 เซนติเมตร สวมหมวกไหมพรมสีดำ สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ กางเกงลายพรางทหาร มีเป้สีขาวแดงคาดไว้ด้านหน้า ขี่รถจักรยานยนต์ฟีโน่ รุ่นปี 2009 สีดำแดง เข้าไปในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี จากนั้นใช้อาวุธปืนติดเครื่องบังคับเสียงให้เบาลงผิดกว่าปกติยิงนายประเสริฐ คงลี โจทก์ร่วมที่ 1 ซึ่งเป็น รปภ.กระสุนได้ทะลุใส่ ด.ช.ภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ ถึงแก่ความตาย จากนั้นคนร้ายได้เข้าไปที่ร้านทองออโรร่า แล้วใช้อาวุธปืนยิงนายยุทธการ ชุนสนิท กับ นางวิภาวดี ขุนสนิท โจทก์ร่วมอีก 2 คน ขณะกำลังเลือกซื้อทอง แล้วจำเลยยังได้ใช้อาวุธปืนยิง น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานขายถึงแก่ความตาย และยิง น.ส.เปมิกา กลิ่นดอกแก้ว พนักงานของร้านทอง ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายได้ทุบตู้ทองเอาทองขนาด 1 บาท ไป 22 เส้น ขนาด 2 สลึง 11 เส้น แล้วกระโดดลงมามี รปภ.ของห้างได้ไปปิดประตูอัตโนมัติแล้วหลบหนีเข้าไปในร้านอาหาร คนร้ายได้ตามไปใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตาย จากนั้นได้ทุบประตูหลบหนีออกไปได้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บปลอกกระสุน 13 ปลอก เก็บลายนิ้วมือรอยรองเท้าและพิสูจน์ DNA จากหมวกไหมพรม พบว่า จำเลยคือคนร้ายรายนี้จึงได้เข้าจับกุมพร้อมยึดของกลางซึ่งอาวุธปืนเป็นของบิดาของจำเลย ส่วนรถจักรยานยนต์เป็นของพ่อตาของจำเลย จากการตรวจดีเอ็นเอทั้งหมดพบว่ามีร่องรอยตรงกับพันธุกรรมของจำเลยจริง ฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายกระทำความผิดในครั้งนี้
แม้จำเลยได้พยายามบรรเทาผลร้ายด้วยการมอบเงินชดใช้ให้แก่ผู้ได้รับความเสียหายจากคดีนี้ แต่เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายขัดต่อหลักความสงบและไร้มนุษยธรรม อีกครั้งเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลล่างพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน
ส่วนค่าสินไหมทดแทนที่ผู้เสียหายเรียกร้องมานั้นเห็นว่าในระหว่างพิจารณาในชั้นศาลอุทธรณ์ได้มีการแก้ไขดอกเบี้ยผิดนัดจากร้อยละ 7.5 เป็นร้อยละ 3 และบวกอีกได้ไม่เกินร้อยละ 2 จึงพิพากษาให้ค่าเสียหายที่เป็นส่วนดอกเบี้ยเป็นไปตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่นอกจากนั้นพิพากษาไปตามเดิม