xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : 42 วันล็อกดาวน์ สู้โควิด-19 เต็มสูตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564 ตอน 42 วันล็อกดาวน์ สู้โควิด-19 เต็มสูตร



รัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ ใน10 จังหวัดเสี่ยงภัยไวรัสโควิด-19 ระบาดสูงสุด เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่12 กรกฎาคมนี้ เป็นเวลา14 วัน เพื่อชะลอการแพร่เชื้อ ซึ่งมันลุกลามไปทั่วทุกแห่ง จนบ้านช่องทุกครัวเรือนแทบจะมีโอกาสเป็นคลัสเตอร์พบคนติดเชื้อไปแล้ว

การล็อกดาวน์ เป็นทางออกของปัญหาในสถานการณ์ขณะนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าแล้ว และประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ก็ยอมรับ ที่จะต้องอยู่บ้าน หยุดงาน หยุดเชื้อเพื่อชาติอีกครั้ง ซึ่งเคยผ่านการล็อกดาวน์มาแล้วหนหนึ่ง เมื่อเดือนเมษายน 63 ก็ได้ผลดีเป็นเหตุหยุดโควิดระบาดรอบแรกได้

แต่การล็อกดาวน์คราวนี้ จะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับครั้งแรกหรือไม่ ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่รอการพิสูจน์ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสองครั้งไม่เหมือนกัน

คือรัฐบาลทำผิดพลาดที่ปล่อยให้เชื้อโรคระบาดหนักในรอบนี้ จนอยู่ที่สภาพยับเยินที่สุด และคนทำงานที่ศบค.ส่วนหนึ่งเป็นคนใหม่ จะมีความเข้าใจและสามารถบริหารมาตรการต่างๆที่ออกมาได้ดีหรือไม่

แต่เรื่องคนบริหารยังไม่สำคัญเท่าอาการแพร่ระบาดเชื้อโรคต่างกันมาก ครั้งนี้จำนวนคนติดเชื้อ มีมากมายหลายเท่าตัว
มากกว่าจากครั้งที่มีการล็อกดาวน์ในช่วงเมษายน63

และมิหนำซ้ำเขื้อโควิดกลายพันธุ์เป็น อัลฟ่า และเดลต้า ที่มีความรุนแรงติดง่าย ป่วยหนัก และเสียชีวิตเร็ว

รัฐบาลและคณะแพทย์ รวมทั้งศบค . ประเมินสถานการณ์ที่เป็นอยู่หนักเบาอย่างไร กำหนดทิศทางอย่างไร มีแผนการแก้ไขปัญหาอย่างไร เป็นยุทธวิธีที่สำคัญ

แต่ถ้ายังแค่คิดว่า ไล่คนออกจากที่แออัด กลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัด ใช้เวลาเยียวยาและกระตุ้นภูมิคุ้มกันของใครของมันดูแลรักษากันไปแบบ้านๆ อย่างที่คิดโมเดล เถียงนา มานั้น โดยไม่มีมาตรการเชิงรุกที่ก้าวหน้ามาสนับสนุน ก็คงเจ็บแล้วไม่จบ อย่างดีสุดก็คือชะลอการแพร่เชื้อเท่านั้น

ถ้า14 วันในกำหนดล็อกดาวน์เฟสแรกไม่จบ คำสั่งล็อกดาวน์ครั้งต่อๆไปก็จะตามมา ซึ่งตามข่าววงในบอกว่า ทางคณะหมอที่ใกล้ชิดรัฐบาล เสรอมาตรการล็อกดาวน์เต็มกราฟเต็มสูตรคือ 42 วัน หรือ6 สัปดาห์ จึงจะเป็นคัวเลขที่สามารถหยุดเชื้อได้

สมมุติถ้าถ้าเชื้อไม่หยุด มาตรการล็อกดาวน์ก็ไม่รอ ต้องไปต่อ อาจจะเป็นว่า มีคำสั่งล็อกดาวน์เพิ่มอีก14 วัน และอาจจะสั่งขยายพื้นที่บางจังหวัดเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงเพิ่มอีกหรือปลดล็อกบางจังหวัดออกไป

นับจากนี้ อะไรก็เป็นไปได้เท่านั้น ถ้ายังสกัดเชื้อโรคไม่ลง ก็ต้องต่อเฟสสามกันต่อไป

แต่ปัญหาถ้ายืดเวลาล็อกดาวน์ออกไปเกินสองสัปดาห์ ปัญหาใหม่ก็จะตามมา คือคนไทยจะทนได้ไหม รัฐบาลพอจะมีมาตรการอะไรมาแก้ขัดให้ความเป็นอยู่ของประชาชนที่ไม่เงินกิน มีชีวิตอยู่ต่อไปได้

โดยประชาชนยังมีเงินซื้ออาหารกินครบสามมื้อ มีไฟฟ้า นำ้ประปา ใช้โดยไม่ถูกตัด ไม่ต้องหนีหนี้ ลูกหลานได้เรียนทางออนไลน์เป็นปกติ ปัญหาคือรัฐบาลต้องช่วยหยุดปัญหาความเป็นอยู่เหล่านี้ให้ได้ หรือที่มีเสียงเรียกร้อง เมื่อล็อกดาวน์ ก็ต้อง ล็อกหนี้ ให้ประชาชนด้วย

ปัญหาผลกระทบจากการล็อกดาวน์ จะมีทางเชื่อมหรือล็อกอินระหว่างรัฐบาลกับประชาชนอย่างไร รัฐบาลจะช่วยเหลือดูแลประชาชนให้มีชีวิตความเป็นในระหว่างถูกกักขังหรือที่เรียกว่าล็อกดาวน์ให้กระทบกระเทือนต่อปากท้องและจิตใจน้อยที่สุดได้อย่างไร เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ แต่รัฐบาลยังไท่ทีท่าที่อะไร

มีแต่ดราม่า ที่นายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีไม่รับเงินเดือน3 เดือน แสดงความเสียสละเพื่อบ้านเมือง แม้จะนับเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่พอ และน่าห่วงว่า การเสียสละไม่รับเงินเดือนของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะถูกนำมาเป็นข้ออ้างข่มเหงจิตใจประชาชนในภายหลังหรือไม่?

เช่น ถ้าหากมีคนเรียกร้องอะไรสักอย่าง ก็จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับการเสียสละของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ไม่รับเงินเดือน3 เดือน เรื่องนี้ที่เป็นห่วง เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

เนื่องจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นคนปากพาจน มักจะมีอารมณ์หลังจากได้ฟังเสียงประชาชนบ่น ถึงความเดือดร้อนและปัญหายากจน โดยบิ๊กตู่มักจะอ้างเสมอว่า ตนเองแย่และเหนื่อยกว่าประชาชน ซึ่งมันไม่จริง การเป็นผู้นำบริหารบ้านเมืองจะเหนื่อยอย่างไร ก็ยังมีกินมีอำนาจบันดาลทุกอย่างได้ แต่ประชาชนพอไม่งานก็ไม่มีกินเป็นความแตกต่างอย่างเทียบไม่ได้

ถ้าพลเอก ประยุทธ์ เล่นบทบาทเดิมๆ กรีดอารมณ์เกรี้ยวกราดระบายอารมณ์ใส่ประชาชนเหมือนเดิม พลเอก ประยุทธ์ก็จะประสบปัญหาวิกฤตศรัทธาหนักขึ้นทันที ซึ่งทุกวันนี้ก็แย่อยู่แล้ว ยังหาทางกู้ศรัทธากลับมาไม่เจอ


กำลังโหลดความคิดเห็น