MGR Online - โฆษก บช.น.เผย นครบาลเตรียมอุปกรณ์ป้องกันโควิด จัดตำรวจฉีดครบ 2 เข็ม ประจำจุดตรวจเคอร์ฟิวทั่วกรุงเทพฯ เช็กเทคโนโลยี ผบ.ตร.ใช้การได้ดี “บิ๊กอู๊ด” ย้ำห้ามเดินทางออกเคหสถาน เน้นบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด ชี้ กลุ่มบุคคล 6 ประเภท เตรียมเอกสารให้พร้อม ด้านรองโฆษก ตร.เผย ในพื้นที่ 10 จังหวัด ยังพบบางรายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.สอท.ในฐานะรองโฆษก ตร.กล่าวถึงผลการดำเนินการตั้งจุดตรวจเคอร์ฟิว ว่า ภาพรวมในส่วนของ บช.น. บช.ภ.1 บช.ภ.7 และ บช.ภ.9 หลังมีการบังคับใช้ให้เกิดความเข้มข้นใน 10 จังหวัด ยังพบว่ามีประชาชนบางส่วนฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันควร, ตั้งวงดื่มสุรา, ลักลอบเล่นการพนัน โดยตำรวจมีการกวดขันดำเนินการจับกุม และตักเตือนในรายที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการ
ส่วนกรณีที่ จ.นครปฐม ได้รับรายงานว่า มีผู้ฝ่าฝืน 1 ราย คงทราบว่า มีการเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติหน้าที่ โดยห้ามออกจากเคหสถานในช่วงกลางคืน จึงไปทิ้งทวนด้วยการตั้งวงดื่มสุรา เมื่อขับรถเข้าจุดตรวจเกรงว่าจะถูกจับกุม ก็มีความพยายามขับรถชนตำรวจ เกือบได้รับอันตราย หรือบาดเจ็บ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ฝากความห่วงใยตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกับหน่วยร่วมปฏิบัติให้ระมัดระวัง และใช้ยุทธวิธีตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างแท้จริง รวมทั้งระวังตนเองไม่ให้เป็นเหยื่อติดโควิด-19
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการของ บช.น.วานนี้ (11 ก.ค.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ บริเวณจุดตรวจในพื้นที่สำคัญ อาทิ สน.พญาไท สน.ลุมพินี สน.โชคชัย และ สน.อื่นๆ ภาพรวมผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยดี ตำรวจได้เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ พร้อมด้วยอุปกรณ์ป้องกันตนเอง หรือป้องกันการแพร่ระบาด ทั้งหน้ากากอนามัย เฟซชิลด์ ถุงมือ เจลแอลกอฮอล์ ไว้ในจุดตรวจทุกแห่ง ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณจุดตรวจ ได้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มเรียบร้อยแล้ว
ผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 11-12 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการตรวจยานพาหนะทั้งหมด 684 คัน และตรวจบุคคลทั้งหมด 949 ราย โดยมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ การให้ความรู้แก่ประชาชนที่เดินทางไปมา การสร้างความรับรู้ การตระหนักรู้ และทำความเข้าใจถึงตัวบท ข้อกฎหมาย ตลอดจนแนวทางการข้ออนุญาต สำหรับกลุ่มบุคคลทั้ง 6 ประเภท ที่ได้รับการยกเว้นจะต้องเตรียมเอกสารหลักฐานอย่างไร
โดยกลุ่มบุคคลประเภทที่ 1-5 ในขณะนี้จะต้องจัดเตรียมเอกสารประจำตัว ทั้งบัตรประชาชน บัตรแสดงตน รวมถึงหนังสือรับรองจากต้นสังกัด หรือหนังสือรับรองความจำเป็น ส่วนกลุ่มบุคคลประเภทที่ 6 จะต้องขออนุญาตในเขตภูมิภาคจากผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และนายอำเภอ ในเขตกรุงเทพฯสามารถขอได้ที่ ผอ.เขต หรือ ผกก.หัวหน้าสถานี โดยมีแบบฟอร์มให้กรอก พร้อมหลักฐานแสดงความจำเป็น แล้วจะได้รับหนังสืออนุญาตเดินทางในช่วงเวลาที่ประกาศห้าม และต้องนำติดตัวไปตลอด
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ได้เน้นย้ำว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 12 ก.ค.เป็นต้นไป จนกระทั่งครบ 14 วัน ตามที่ประกาศ ห้ามเดินทางออกเคหสถาน ได้เน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ถ้ามีความจำเป็นกรณีกลุ่มบุคคลทั้ง 6 ประเภท ขอให้เตรียมหลักฐานต่างๆ ไว้ให้พร้อม เพื่อความสะดวกในการตรวจของตำรวจ อย่างไรก็ตาม จุดตรวจทั้ง 88 สน.ทั่วกรุงเทพฯได้นำเทคโนโลยีของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ มาใช้เรียบร้อยแล้ว ในช่วงดึกของวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ได้ตรวจความเรียบร้อยพบว่าสามารถใช้การได้ดี
