รายการ “ถอนหมุดข่าว”ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 28 มิ.ย.64 นำเสนอรายงานพิเศษ "เอ๋ ปารีณา" ยังไม่ตายก็เน่าแล้ว
ทำเอา “สายเผือก” ถึงกับต้องรีบมามุง หลัง “สาวเอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.คนดัง แห่งเมืองโอ่ง จ.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหลายข้อความ โดยระบุถึงใครบางด้วยแฮชแทกตัวย่อ #อหวร ตั้งแต่ “อยากให้มันตายย #อหวร” พร้อมบอกด้วยว่าเป็นเรื่องภายในพรรค ไม่ต้องอินบ็อกซ์มาถาม หรือ “#เสร็จศึกฆ่าขุนพล #อหวร เมื่อลูกชายได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็ควรจะพอแล้ว จะเอาทุกตำแหน่งเลยหรือไงคะ”
ที่แจ่มแจ้งแทบไม่ต้องตีความก็ข้อความที่ว่า “คดีทุจริตสนามฟุตซอลเกิดขึ้นที่กรรมาธิการนี้ ระหว่างแปรญัตติ แต่มีคนบางคนกลับได้มาเป็นประธานอนุฯ คือ วุฒิภาวะค่ะ”
คนในวงการ คอการเมือง รู้ทันทีว่างานนี้ “สาวเอ๋” ฟาดที่ “เสี่ยปาน” วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล ที่เป็นกำลังหลักคุมเกมในสภาฯของ “ขุมอำนาจ 3 ป.”
ต้นเหตุเอ๋ ปารีณา โจมตีทางอากาศใส่ เสี่ยปาน เป็นความไม่พอใจที่เกิดขึ้นหลังจากการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่ทั้ง “ปารีณา” และ “วิรัช” ร่วมเป็นกรรมาธิการในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯ จำนวน 10 คณะ ซึ่งจำนวนนี้มีถึง 7 คณะที่ประธานมาจากพรรคพลังประชารัฐ โดย “เอ๋-ปารีณา” มีชื่อเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการข้อสังเกต แต่กลับให้ที่ประชุมบันทึกไว้ว่า ไม่ทราบว่า มีการเสนอให้มาเป็นประธานได้อย่างไร
สอดรับกับ “วิรัช” ที่พูดเป็นนัยว่า บางคนอยากเป็นประธาน แต่พอไม่ได้ดั่งใจ ก็เป็นแบบนั้น
โยนกลับไปว่าเป็นอาการ “พาล” ของ “ปารีณา” ที่ไม่ต่างจากเด็กไม่ได้ของเล่น
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ “เอ๋ โพธาราม” เคยแผลงฤทธิ์ ใส่คนในพรรคพลังประชารัฐ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก็โดนมาก่อนแล้ว จากปัญหาคดีบุกรุกที่ดินของ “ปารีณา” ที่ปารีณาไปโพสต์ต่อว่าตัดพ้อในไลน์กลุ่มพรรคพลังประชารัฐ จนเคยเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อต้นปี 2563
ว่ากันว่าที่ “ปารีณา” ออกมาโวยวายก็เพราะไม่ได้อยากเป็นประธานอนุฯข้อสังเกต ที่ไม่ได้หยิบจับเกี่ยวข้องกับการตัดโยกงบประมาณ แต่หมายตาไปที่ คณะอนุ กมธ.ฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ ค่าจ้างเหมาบริการ ค่าจ้างที่ปรึกษา
ค่าเช่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ งบดำเนินงาน งบเงินอุดหนุน และงบรายจ่ายอื่น ที่มี ทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ และภรรยาของ “วิรัช” เป็นประธาน
สัมพันธ์ระหว่างเอ๋ กับวิรัช ดีต่อกันเสมอมา “วิรัช” ให้ความเอ็นดู “ปารีณา” มาตลอด แต่พอไม่ได้อย่างที่อยากตะได้ ก็เลยกลายระเบิดอารมณ์บูดออกมาใส่วิรัช แบบไม่คิดจะเป็นพวกกันอีก
จริงๆแล้ว เรื่องแบบนี้โทษ “วิรัช” คงไม่ถูกนัก เพราะการตั้งประธานกรรมาธิการ หรืออนุกรรมาธิการสำคัญๆ ย่อมต้องผ่านการพิจารณากรรมการบริหารพรรค และมี “ผู้มีอำนาจตัวจริง” กลั่นแกล้งอีกชั้นหนึ่ง
อีกทั้งหากพูดเรื่อง “ชี่อชั้น-วุฒิภาวะ” ก็ยิ่งห่างไกลว่า “ปารีณา” จะได้ตามที่หวัง ต้องไม่ลืมว่าวันนี้ “ปารีณา” เป็น ส.ส.เพียงตำแหน่ง แต่ถูกศาลฎีกา สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นผลจากการยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ที่ป่าสงวน 711 ไร่ ใน จ.ราชบุรี ซึ่ง ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ขณะที่ผลงานและบทบาทที่โดดเด่นเข้าตา “ผู้ใหญ่” ของ “เอ๋-ปารีณา”จนเอามาอ้าง เสร็จนาฆ่าโคถึก ก็แค่การประท้วงขัดจังหวะฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอดีตพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน เมื่อเข้ามาทำงานในสภาฯไม่ได้ ก็ไร้ผลงาน เข้าข่าย “ไร้ประโยชน์” ทันที
ทว่า “ผู้ใหญ่ในพรรค” ก็ยังมี “เมตตา” ให้เข้ามาเป็น 1 ใน กรรมาธิการงบประมาณ ที่ ส.ส.กลายคนแย่งชิงกันอุตลุด ก็ถือเป็น “บุญหัว” แล้ว ยังกล้าฝันจะได้เป็นประธานอนุฯคณะใหญ่ โดยไม่สำรวจตรวจสอบสภาพตัวเอง แต่กลับฟาดงวงฟาดงายามไม่ได้ดั่งใจ
หรือหากไม่พอใจจริงๆ “ปารีณา” ก็รู้ดีว่า อำนาจการตัดสินใจของพรรคพลังประชารัฐอยู่ที่ใคร เหตุใดจึงไม่ระบายอารมณ์ไปที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้รู้ดำแดงไปเลย
ไม่มีอะไรต้องเสีย คดีความที่คอพาดเขียงอยู่ ก็ต้องบอกว่า “รอดยาก” แล้วยังกล้ามาเรียกร้องอะไรให้มากความ
แบบนี้ต้องเรียกว่า “เอ๋-ปารีณา” ยังไม่ตาย ก็เน่าแล้ว เน่าทั้งอนาคตทางการเมือง เน่าทั้งความไร้ประโยชน์ในฐานะ ส.ส.
เมื่อไม่มีประโยชขน์ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ “ผู้ใหญ่” ต้องเลี้ยงไว้ นี่แหละสัจธรรมทางการเมือง.