MGR Online - กลุ่มไทยไม่ทน รับทราบข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จัดชุมนุมสวนสันติพรช่วงต้นเม.ย. "จตุพร" อ้างมีผู้ยิ่งใหญ่เร่งรัดคดี นัดมวลชนไปทำเนียบ 24 มิ.ย.นี้ เรียกร้องนายกฯ ลาออก
วันนี้ (20 มิ.ย.)ที่ สน.ชนะสงคราม นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ พร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ และกลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย รวมจำนวน 14 คน เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา “ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงฯ (ฉบับที่ 5) กรณีห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากและมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้โดยง่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และฝ่าฝืนข้อกำหนดฉบับที่ 15 พ.ศ.2563 ที่ออกมาโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548” กรณีที่ได้จัดเวทีอภิปรายสาธารณะในวันที่ 4-7 เมษายนที่ผ่านมา ณ สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม
นายจตุพร กล่าวว่า ได้รับการแจ้งจากพนักงานสอบสวนให้มารายงานตัว ในความเป็นจริงทางทีมทนายความได้มีการนัดหมายในวันที่ 29 ก.ค.นี้ แต่เนื่องจากมีบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครได้สั่งการให้มีการเร่งรัดคดี โดยให้มารายงานตัวก่อนการชุมนุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มิ.ย.นี้
"ที่เราบอกว่าต้องการปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพราะผู้มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงในชั้นพนักงานสอบสวน หลายกรณีก็เกิดขึ้นตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่างๆ คดีนี้พวกผมทุกคนไม่มีอะไรจะไหวหวั่น ผมต้องโทษคดีประหารชีวิตแล้ว รัฐบาลชุดนี้ใจดำมาก เพราะพวกเราจัดที่สวนสันติพรข้าง สน.ชนะสงคราม ก็ขอใช้พื้นที่ คุณอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ในฐานะผู้จัดผู้ขออนุญาตเป็นประธานกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กระดูกของลูกก็อยู่ที่นี่ พร้อมกับบรรดาวีรชน แต่การลุแก่อำนาจไม่รู้อะไรควรอะไรไม่ควรก็ไปแจ้งความดำเนินคดีเป็นรายวัน" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า พวกผมในฐานะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยนั้นในวันที่ 24 มิ.ย. เวลา 16.00 น. จะไปทำเนียบรัฐบาล แม้จะต้องมีตู้คอนเทนเนอร์เต็มไปหมด ให้ประชาชนรอฟังจุดทำเนียบรัฐบาล คนขี้ขลาดตาขาวมักจะลงมือก่อนคือจะตั้งตู้คอนเทนเนอร์รอบไม่ให้เข้าไป ฉะนั้นจุดนัดพบอาจไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาลแต่เป้าหมายคือทำเนียบรัฐบาล และขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยทุกคนในวันที่ 23 มิถุนายน เวลา 19.00 น. ให้เฟซบุ๊กไลฟ์ หรือไลฟ์ในสื่อโซเชียลของตัวเองจัดรายการในหัวข้อ "ประยุทธ์ออกไป" ยืนยันว่าหากรัฐบาลฉลาด ไม่โง่ ไม่บ้าอำนาจต้องปล่อยให้ประชาชนไปที่ทำเนียบรัฐบาล
"ผมยืนยันว่าจะไม่บุกเข้าไปที่ข้างในทำเนียบรัฐบาลโดดเด็ดขาด จะไปด้วยมิตรไมตรี จะพูดด้วยท่วงทำนองมุธรสวาจา จะได้อธิบายว่าทำไมต้องมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังยืนยันว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น หากความรุนแรงเกิดขึ้นคือเกิดได้อย่างเดียวมาจากทางรัฐ ทางพวกผมเองจะใช้แนวทางสันติวิธีเจรจากันทุกขั้นตอน จึงอยากส่งเสียงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าปี 2553 ก็เป็นบทเรียนกับท่านมากมายแล้ว ให้เจรจากันด้วยสันติวิธีเพราะเราก็เป็นคนไทยด้วยกัน ความเห็นแตกต่างกันไม่จำเป็นต้องฆ่ากัน" นายจตุพร ระบุ
มีรายงานว่า ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทั้งหมด จำนวน 23 คน ประกอบด้วย 1.นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ 2.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 3.นายการุณ ใสงาม 4.นายวีระ สมความคิด 5.นายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) 6.นางพะเยาว์ อัคฮาด 7.นายณัทพัช อัคฮาด 8.นายวสันต์ สิทธิเขตต์ 9.นายเมธา มาสขาว 10.นายศักดิ์ณรงค์ มงคล 11.นายสุวิช สุมานนท์ 12.นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง 13.นายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง 14.นายไทกร พลสุวรรณ 15.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 16.นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ 17.น.ส.วรรณพร ฉิมบรรจง 18.พ.ท.หญิง กมลพรรณ์ ชีวพันธ์ศรี 19.นายเศวต ทินกูล 20.ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี 21.นายธนเดช ศรีสงคราม 22.นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา และ 23.นายจอมพล รุ่งเรืองชูเลิศ
สำหรับคดีนี้ได้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนจาก บก.น.1 เพื่อทำการสอบสวนผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหลายคน โดยขั้นตอนทางเจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งข้อหาให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับทราบ และทำการสอบสวน ก่อนจะพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยหลังจากให้การในชั้นพนักงานสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวทั้งหมดโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากให้การรับสารภาพเจ้าหน้าที่จะทำการสรุปสำนวนภายใน 48 ชั่วโมง หากให้การปฏิเสธจะทำการรวบรวมสำนวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
