MGR Online - กองปราบเดินหน้าถอนรากถอนโคนเครือข่ายค้าปืนเถื่อนออนไลน์ รวบพ่อค้าอีก 3 ยึดปืน 23 กระบอก กระสุนกว่าพันนัด พบเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้าอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ โดยเข้าตรวจค้น 7 จุด ในพื้นที่ กทม. สมุทรปราการ และ ราชบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ประกอบด้วย นายสิปปวุฒิ พรหมประสิทธิ์ อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ นายไตรภพ ล้าเลิศ อายุ 57 ปี และ นายนัฐพงษ์ ศรีงาม อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันค้าอาวุธปืน หรือวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง พร้อมกับตรวจยึดอาวุธปืนสั้นและยาว รวม 23 กระบอก เครื่องกระสุนกว่า 1,000 นัด นอกจากนี้ ยังสามารถจับกุมลูกค้าที่ซื้อปืนจากเครือข่ายนี้ได้เพิ่มอีก 1ราย พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนสั้นอีก 1 กระบอก
พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบันมีอาวุธปืนทั้งถูกกฎหมาย และผิดกฎหมายอยู่ในตลาดค้าขายปืนจำนวนมาก โดยมีกลุ่มเครือข่ายที่เป็นผู้ค้าอาวุธในตลาดมืดเป็นตัวขับเคลื่อนให้ปืนเหล่านี้กระจ่ายไปสู่ลูกค้าที่ต้องการ โดยใช้ช่องทางการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ ซึ่งจะมีการตั้งเป็นกลุ่มลับเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความชื่นชอบอาวุธปืน เพื่อสามารถจัดซื้อขายกันอย่างเสรี และหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งอาวุธปืนส่วนใหญ่ที่กระจายออกไปมักจะไปอยู่ในมือกลุ่มนักสะสม มือปืนรับจ้าง และเครือข่ายค้ายาเสพติด ดังนั้น หากปล่อยให้เครือข่ายค้าปืนเถื่อนออนไลน์ยังสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนต่อไปได้ต่อไป อาจจะส่งผลต่อการก่อเหตุอาชญากรรมได้ในอนาคต
ด้าน พ.ต.อ.พงศ์ปณต กล่าวว่า สำหรับผลการปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้าอาวุธปืนออนไลน์ของกองปราบปราบที่ผ่านมา เริ่มจากการขยายผลการซื้อขายอาวุธ ผ่านเพจชุมชนตลาดดำ โดยเริ่มปราบปราบตั้งแต่ช่วงเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 9 ราย ยึดของกลางปืนสั้น และปืนยาว 154 กระบอก วัตถุระเบิดจำนวน 14 ลูก และเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก ซึ่งคาดว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบ 100 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ ทางกองปราบจะดำเนินการตรวจสอบ และปราบปรามต่อไป
