“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564 ตอน ปรากฏการณ์ “เรืองไกร” ย้ายค่าย เปลี่ยนนายใหม่?
การย้ายข้ามขั้วจากเพื่อไทยไปซบพลังประชารัฐ ของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เป็นภาพสะท้อน ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร ซึ่งเป็น มรณานุสติทางการเมืองไทย วันนี้ทุบกันแทบตาย วันหน้าอาจร่วมหอลงโรงได้ มันเกิดขึ้นบ่อยหลายครั้งกับการเมืองบ้านเรา
อย่างคิวล่าสุดนักร้องอาชีพ ที่เคยสอยนายกรัฐมนตรีมาแล้วสองหน่อ ทั้งทักษิณ ชินวัตร ในคดีโอนหุ้นชินคอร์ป และสมัคร สุนทรเวช ในคดีชิมไปบ่นไป ก่อนจะกลายร่างมาเป็นเพื่อไทยแบบดื้อๆ วันนี้มีชื่อเป็นหนึ่งในกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ
วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานประธานวิปรัฐบาลรับเอง เรืองไกร มาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐจะเป็นเดือนอยู่แล้ว
แม้จะเคยอยู่พรรคเพื่อไทย แต่กรณีของ เรืองไกร ที่ย่อมเปลี่ยนค่าย ย้ายขั้วมาอยู่กับศัตรู ส่วนหนึ่งน่าจะมีเชื้อมาจากความไม่พอใจสังกัดเก่า กรณีถูกปลดออกจากเก้าอี้กรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 คราวก่อน จนงอนตุ๊บป่อง ขอไขก๊อกจากการเป็นสมาชิกพรรค
ขณะเดียวกัน ยังปฎิบัติการเอาคืนต้นสังกัดเก่า ที่ไม่ให้ค่า ไม่ให้เกียรติ ไล่ตั้งแต่การยื่นให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน หลังพบว่า นาฬิกาที่สวมใส่ สร้อยคอ และพระบูชาในห้องทำงาน ไม่ได้ถูกแจ้งอยู่ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นเอาไว้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562
นอกจากนี้ ยังไปเปิดศึกกับ เสี่ยโจ้ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรณีนาฬิกาที่สวมใส่ไม่ได้อยู่ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. คล้ายๆ กับกรณีของ สมพงษ์
ตอกย้ำให้เห็นว่า เรืองไกร แค้นฝังวิญญาณกับพรรคเพื่อไทย
เหตุที่เรืองไกรโผล่พรวดขึ้นมานั่งเป็นกรรมาธิการสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐแบบหน้าตาเฉย หลายฝ่ายจับจ้องคนเทียบเชิญ โดยให้น้ำหนักไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คนที่ขึ้นหม้อที่สุดในพรรคชั่วโมงนี้
ผู้กองธรรมนัสน่าจะเป็นคนเกี่ยวแขน เรืองไกร มาพบพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค
เพราะระยะหลังมานี้ ผู้ทำหน้าที่ ตม.(ตรวจคนเข้า)พรรค รับผิดชอบดูแลคนเข้า-คนออกคือ ร.อ.ธรรมนัส ที่ได้รับความไว้วางใจจาก บิ๊กป้อม มากที่สุด ให้ทำหน้าที่ดูแลทั้งเกมใต้ดินและในสภา พร้อมๆ กับถางทางเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งในครั้งต่อไป
ขณะเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส ยังเป็นคนที่มีคอนเนกชั่นกับ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยมากที่สุด มีข่าวพัวพันว่า จะดึง ส.ส.คนนั้นคนนี้ มาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐอยู่ตลอดเวลา
โดยมีเสียงลือด้วยว่า ช่วงที่ผ่านมา เวลา ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีปัญหา ร.อ.ธรรมนัส จะเป็นคนพาเข้ารังไปหา พล.อ.ประวิตร เพื่อให้ความช่วยเหลือ
การเอา เรืองไกร มาอยู่ตรงนี้ ยังทำให้พรรคพลังประชารัฐ หยิบจับใช้งานได้หลายมิติ แม้แต่ในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯเอง ที่ เรืองไกร มีปมในใจกับนักการเมืองพรรคเพื่อไทยหลายคน อาจจะเอามาเกลือจิ้มเกลือ ในการแปรญัตติงบสำคัญๆ โดยเฉพาะที่ฝ่ายค้านมุ่งเป้าอย่าง เรือดำน้ำ
พรรคพลังประชารัฐ ใช้งาน เรืองไกร ในชั้นคณะกรรมาธิการคุ้มแน่ ตามคิวที่ วิรัช เสนอชื่อให้เป็นถึงโฆษกคณะกรรมาธิการ ทั้งที่เพิ่งจะเปลี่ยนขั้วย้ายข้างมา ดูแล้วคงได้ชนกับ ยุทธพงศ์ ขาเย้วจากพรรคเพื่อไทยกันหลายตลบแน่ๆ
ประโยชน์ใช้สอย เรืองไกร ยังได้ในแง่นักร้อง เพราะเป็นจอมตรวจสอบสารพัดเรื่อง สามารถใช้เป็นตัวชนในการไล่บี้ตรวจสอบบุคคลต่างๆ ได้
อีกทั้งยังรู้ทะลุปรุโปร่งกลไกรัฐสภาดี จับมาทำงานคู่กับ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ น่าจะช่วยรับมือในเรื่องกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ได้เยอะเหมือนกัน
นอกจากความแค้นฝังวิญญาณที่ เรืองไกร มีต่อพรรคเพื่อไทยที่ไม่เห็นหัว จนต้องเก็บข้าวเก็บของออกจากพรรค และย้ายมาอยู่กับศัตรูแล้ว อีกปมที่คนตั้งข้อสังเกตกันคือ สาเหตุที่ เรืองไกร ตัดสินใจย้ายขั้ว มาอยู่กับพรรคที่ไม่ได้กระแสดีอะไรในตอนนี้ เป็นเพราะถูกพลังดูด หรือพลังทุบหรือไม่
เพราะย้อนกลับไปเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม เรืองไกร เพิ่งจะออกมาโวยวายหลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบปมร่ำรวยผิดปกติ ทั้งที่พ้นจากตำแหน่ง ส.ว.มาตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2554
โดย เรืองไกร เคยออกมาฟาดงวงฟาดงาว่า ปีที่แล้ว ป.ป.ช.มีหนังสือมาขอข้อเท็จจริงเรื่องที่ดินและบ้านโดยอ้างว่า คราวที่พ้นจาก ส.ว.นั้น มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 34 ล้านบาทเศษ
การตรวจสอบย้อนหลังเกือบ 10 ปี จึงทำให้กรณี เรืองไกร ย้ายขั้ว ถูกจับโยงกับเรื่องนี้เหมือนกัน
งานนี้ ไม่ใช่ เรืองไกร คนเดียวที่มีข่าวโยงกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ตอนนี้มีข่าวลือว่า จะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยอีกหลายราย ทั้งภาคเหนือ อีสาน เตรียมสะบัดก้นมาในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมี ร.อ.ธรรมนัส เป็นคนดีล
แต่นักการเมืองคนดังที่ตกเป็นข่าวถูกพลังดูดพลังประชารัฐ และ ปิดดีลไปแล้ว อย่างนาย ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส. ส. อุตรดิตถ์ ดาวเด่นในสภายุคนี้ เป็นเป้าหมายที่พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยากได้ เพราะได้ศรัณย์วุฒิไปเหมือนซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง คือได้ส.ส.แน่ และยังเป็นการเก็บขุนพลปากกล้าคนนี้ของฝ่ายเพื่อไทย มาเข้าค่าย ไม่ให้เป็นก้อนกรวดในท้อปบู๊ตด้วย
โดยศรัณย์วุฒิออกมาสวนข่าวลือทันควันว่า ไม่มีวันที่จะไปซบพวกเผด็จการโดยเด็ดขาด และชี้แจงว่าที่ไม่อภิปรายในการประชุมสภาพิจารณางบประมาณ ก็เพราะ เวลาที่เพื่อไทยให้น้อยไป ไม่พอกับข้อมูลที่ต้องการพูด
การกลับมาใช้วิชาพลังดูดอีกครั้งในช่วงนี้ มันเหมือนเป็นสัญญาณว่า เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคพลังประชารัฐยังอยู่ และยังไม่วางมือ และจะต้องกลับมาเป็นรัฐบาล อีกรอบ แม้กระแสและคะแนนนิยมช่วงนี้ อยู่ในช่วงติดลบก็ตาม แต่สิ่งที่พลังประชารัฐต้องทำตอนนี้คือ ลดทอนกำลังของศัตรูให้ได้มากที่สุด ก่อนเข้าสมรภูมิเลือกตั้ง