พ่อและแม่เดินทางมารับศพลูกสาววัย 19 ปี หลังถูกยิงหลายนัดบนรถแท็กซี่ ท่ามกลางความโศกเศร้า ยืนยันไม่ขออโหสิกรรมให้ผู้ก่อเหตุ
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช นายวิโรจน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี น.ส.พัฒยา (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี พ่อและแม่เดินทางมารับศพบุตรสาว น.ส.น้ำฝน อายุ 19 ปี นักศึกษาปีที่ 1 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเสียชีวิตหลังจากถูกนายอำนาจ แซ่ตั้ง อายุ 53 ปี ใช้ปืนยิงบนรถแท็กซี่ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องที่ผู้ต้องหาอ้างว่า คบหากับลูกสาวตนมานานกว่า 7 ปี ตนและครอบครัวไม่เคยมีใครทราบเรื่องหรือระแคะระคายว่ามีชายหนุ่มมาพัวพัน ตั้งแต่เด็กจนโตตนเป็นคนไปรับและไปส่งลูกสาวไปโรงเรียนทุกวัน พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันทุกวัน ถ้าคบกันนานขนาดนั้นจริงก็คงรับรู้บ้าง ลูกสาวอยู่ในสายตาตลอด เเต่ผู้ต้องหากลับอ้างว่ามีการรู้จักกับลูกสาวมานานกว่า 7 ปี ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะขณะนั้นลูกสาวอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น ซึ่งอยู่ในความดูเเลของครอบครัวอย่างใกล้ชิด ทำไมไม่มีเรื่องระแคะระคายว่าแอบคบหากัน
รวมทั้งผลการเรียนก็ไม่ได้ตกต่ำ โดยน้องจะได้เกรดเฉลี่ย 3.7 เเละยังได้ทุนการศึกษาเรียนดีในระดับมหาวิทยาลัย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนอกลู่นอกทาง และลูกสาวเป็นคนดีที่มีความกตัญญูสูง เคยบอกกับตนว่า “พ่ออดทนหน่อยนะ อีก 3 ปี ถ้าหนูเรียนจบ เเล้วมีงานทำ ชีวิตเราจะดีขึ้น” นั่นเป็นคำพูดของลูกสาวที่ก้องอยู่ในหัวใจของพ่อตลอด ส่วนเรื่องที่ว่ามาช่วยเหลือหรือให้เงินน้องนั้น ตนประกอบอาชีพค้าขายอาหารทะเล ย่านบางบอน และครอบครัวไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุ ยืนยันว่าจะไม่ขออโหสิกรรมให้ เพราะมีความโหดเหี้ยมผิดมนุษย์หลังจากนี้จะรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดบางบอน สวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 3 คืน ฌาปนกิจ วันที่ 30 พ.ค.นี้
ด้าน พ.ต.ท.ทองคูณ เเกมขุนทด รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า วันนี้ได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาแล้วให้การว่า ช่วงน้องน้ำฝนกำลังจะเรียนเข้ามัธยมปีที่ 1 ได้รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก และได้ติดต่อพูดคุยกันตลอดผ่านช่องทางนี้ ส่วนค่าเลี้ยงดูที่ผู้ต้องหาบอกนั้น จะเป็นในเรื่องการซื้อของให้ทั่วไป ค่าเทอมก็มีให้บ้างบางครั้ง รวมไปถึงพาเที่ยวเฉกเช่นคนที่คบหาดูใจกัน แต่ไม่ได้เปิดเผยให้ใครรับรู้ เพราะอายุห่างกัน นอกจากนี้ ผู้ต้องหาไม่เคยมีครอบครัวมาก่อน และเมื่อก่อนทำธุรกิจกับพี่ชาย เป็นตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถจักรยานยนต์ จึงค่อยข้างมีเงิน จากนั้นไม่นานมีปัญหาจึงออกมาทำอาชีพแมสเซนเจอร์ ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรมาได้สักระยะแล้ว เบื้องต้นได้นำตัวเข้าห้องกักขังสน.ท่าข้ามไว้ก่อน และจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญาธนบุรี โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เเละอัตราโทษสูง