รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 26 เม.ย.64 นำเสนอรายงานพิเศษ ตอน โควิด-19 วางบิล ถล่ม“ภูมิใจไทย”
โดนมรสุมรุมกระหน่ำอย่างหนัก ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดระลอกที่ 3 สำหรับ “ค่ายบุรีรัมย์” พรรคภูมิใจไทย ที่ขณะนี้กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ โดน 3 ประเด็นร้อนเป็นอย่างน้อยในตอนนี้
ตั้งแต่มรสุมลูกแรกกรณีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการพรรคภุมิใจไทย ที่เพิ่งหายป่วยจากโรคโควิด-19 ท่ามกลางกระแสข่าว และความระคนสงสัยของสังคมว่า เสี่ยโอ๋-ศักดิ์สยาม เป็นส่วนหนึ่งของต้นตอ “คลัสเตอร์ทองหล่อ” ที่เป็นต้นตอของการระบาดระลอกที่ 3 นี้หรือไม่
ยิ่งหลัง นายศักดิ์สยาม ฟื้นไข้และออกจากโรงพยาบาล ก็เลือกทำภารกิจแรก โดยมอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความ “ส.ส.เต้” นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ รวมทั้ง 2 ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวชื่อดัง กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ เข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และประมวลกฎหมายอาญา
แต่พลันที่นายศักดิ์สยามออกแอคชัน ก็มีมือดีปล่อยภาพถ่ายลับระดับเอ็กคลูซีพออกมาในโลกโซเชียล เป็นภาพถ่ายของชายคนหนึ่งที่ดูละม้ายคล้ายนายศักดิ์สยามร่วมกิจกรรมกับสาวสวยหลายคน
หนึ่งในนั้นเป็นการร่วมรับประทานอาหารในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง “มิยาบิ คัปโปะ” ที่เป็นเครือข่ายเดียวกับเล้าจน์คริสตัล และเอมเมอรัล ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นต้นตอของคลัสเตอร์ทองหล่อ
ภาพที่หลุดออกมาเป็นการเพิ่มน้ำหนัก “ข่าวลือ”เข้าอีกดอก เมื่อเสี่ยเต้ 007 มงคลกิตติ์ โพสต์ใส่ข้อความอธิบาย ใครเป็นใคร ปาร์ตี้จ้ำจี้กันอยู่ที่ไหน ทั้งตั้งข้อสังเกตเป็นกลุ่มตัวแพร่ติดเชื้อจากสถานบันเทิงระดับไฮเอ็น ย่านทองหล่อ หรือไม่?
ในภาพถ่ายที่หลุดออกมา แม้ว่าไม่ได้ระบุวัน ว. เวลา น. แต่ก็ถูกวางบิลไปแล้ว ด้วยที่มี “เบาะแสสำคัญ” จากหน้ากากอนามัยลายการ์ตูน “มินเนี่ยน” ที่คุ้นตาบนใบหน้าชายตัวเอกของเรื่อง ก็พอยืนยันได้ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้น “ไม่นานมานี้” ในยุคโควิด-19
อีกทั้งในแวดวงการเมืองก็รู้กันว่า หนุ่มโสดนายนี้ ที่มีทั้งอำนาจ และฐานะ มีไลฟ์สไตล์ที่รู้กันดี
ไม่ว่า จะใช่นายศักดิ์สยามหรือไม่ แต่สังคมเข้าใจ และเชื่อโดยสิ้นสงสัยไปแล้ว ทั้งอาจถือว่าเป็นหลักฐานชัดเจนในระนาบเดียวกับ “ใบเสร็จ” เลยด้วยซ้ำ แต่เป็น “ใบเสร็จด้านจริยธรรม” ที่นักการเมืองจะดูเบาไม่ได้
เป็นวิกฤติด้านจริยธรรม ของบุคคลระดับรัฐมนตรี ผู้บริหารประเทศ จะแก้ตัวอย่างไรคนก็ไม่ฟังแล้ว ย่อมส่งผลสะเทือนไปถึงพรรคภูมิใจไทย อย่างเลี่ยงไม่ได้
มรสุมลูกถัดมา ถล่มไปที่ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ออกอาการ “เมาหมัด” จากปัญหาที่ประดังเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต ที่หนักกว่า 2 ระลอกก่อนหน้า
และยังมีปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรทั้งอุปกรณ์ สถานที่ เตียงผู้ป่วย หรือบุคลาการทางการแพทย์ แผนการจัดหาหรือกระจายวัคซีนที่ถูกมองว่าล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น
มีการขุดคุ้ย คำพูดของ “หมอหนู” ทั้ง “โควิดกระจอก” หรือ “ก็แค่ไข้หวัด” มาล้อเลียนเชิงประชดประชันนายอนุทินอย่างหนัก
จนมีแคมเปญล่าชื่อผ่าน change.org เพื่อถอดถอนนายอนุทินออกจากจำแหน่ง โดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “หมอไม่ทน” และเวลาไม่นานก็มีประชาชนเกิน 1 แสนรายชื่อไปแล้ว
การเคลื่อนไหวทางสังคมผ่าน change.org ไล่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุข อาจจะถือเป็นตราบาป ของคนที่หมายมั่นว่าสักวันจะขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของประเทศ เป็นนายกฯคนถัดไป
ผลพวงความพลากพลั้งของคู่หูภูมิใจไทย ยังสะเทือนไปถึงประเด็นความไม่ชอบมาพากลของกรณีที่ดิน “เขากระโดง” ที่ถูกนักการเมืองฝาายตรงข้ามจ้องเล่นงาน ถูกจุดประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง
ที่ดินเขากระโดง เป็นจุดอ่อนของตระกูลชิดชอบ ที่ถูกกล่าวหาว่าฮุบที่ดินการรถไฟ อมของหลวง ซึ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาแล้ว และมีคำสั่งให้การรถไฟเอากลับมา แต่ตอนนี้เป็นที่ตั้งของทั้งที่อยู่และอาณาจักรของ “ตระกูลชิดชอบ”
ทั้งสนามฟุตบอล และสนามแข่งรถที่เป็นความภาคภูมิของ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองชื่อดัง พี่ชายของนายศักดิ์สยาม ที่ถูกนำมาอภิผรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา แต่นายศักดิ์สยามก็ตอบแบบ “ไม่เคลียร์”
เหตุที่เกิดขึ้น นอกจากกระหน้ำใส่พรรคภูมิใจไทยเต็มๆ ขณะเดียวกันย่อมส่งผลเสียมายังรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ก็ถูกถล่มในแง่ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารสถานการณ์วิกฤตอยู่เช่นกัน อาจต้องตัดสินใจบางประการ
พลเอก ประยุทธ์ อาจจำเป็นต้องตัดแขนเพื่อรักษาชีวิต ตัดเนื้อร้ายเอาตัวรอด ก่อนที่รัฐนาวาจะล่มจมทั้งคณะก็เป็นได้.