MGR Online - กองปราบจับหนุ่มแสบอ้างยศ พ.ต.ต.ขอค้างค่าที่พักรีสอร์ตใน จ.เชียงใหม่ 1.4 หมื่นบาท รับสารภาพชอบสวมชุดสีกากีเป็นประจำ เพราะอยากเป็นตำรวจ
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ภัทรพันธ์ พูลทวี สว.กก.4 บก.ป. พ.ต.ต.ณรงค์ หาญสันเทียะ สว.กก.4 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายไพรวัลย์ หรือ อ้วน โกมลสิงห์ อายุ 36 ปี ตามหมายจับศาลล้มละลายกลาง ที่ 1754/2563 ลงวันที่ 19 พ.ค. 63 ข้อหา “จงใจขัดขืนหมายเรียกของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นเหตุให้ขัดข้องต่อการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีล้มละลาย” ได้ที่ลานจอดรถรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ใน ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างตัวว่าชื่อ “รอง อุ้ย” มาเปิดห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ แล้วขอค้างค่าที่พัก จากการสอบถามพบพิรุธไม่สามารถบอกต้นสังกัดของตนเอง และไม่มีบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจมาแสดง จึงได้แจ้งให้ทางกองปราบปรามมาตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบชายคนดังกล่าวตัดผมสั้นเกรียน ใส่เสื้อกั๊กสีดำ ลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนอยู่บริเวณร้านกาแฟของรีสอร์ต จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ ทราบชื่อ นายไพรวัลย์ มีอาชีพเป็นเกษตรกร ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวและตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน ขล 1319 เชียงใหม่ พบชุดเครื่องแบบตำรวจประดับยศพันตำรวจตรี, หมวกแก็ปหน้าหมวกปักตราแผ่นดิน ใต้ตราแผ่นดินปักตัวอักษรภาษาอังกฤษ ROYAL THAI POLICE, กระบองไฟส่งสัญญาณ, ไฟฉาย และรองเท้าคัทชูสีดำ 2 คู่
จากนั้นจึงได้เข้าตรวจค้นห้องพักพบชุดเครื่องแบบควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรภาค 5 ประดับยศพันตำรวจตรี, กางเกงสีกากี, เครื่องแบบตำรวจ, เสื้อคลุมแขนสั้น สีดำ ปักตราตำรวจภูธรภาค 5, วิทยุสื่อสาร, กระเป๋าถือ สีดำ ปักตราสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ, หมวกหม้อตาลตำรวจ รวมทั้งสิ้น 11 รายการ
จากการสอบสวน นายไพรวัลย์ รับสารภาพว่า เครื่องแบบและสิ่งของรายการดังกล่าวข้างต้นเป็นของตนเองจริง โดยได้สวมใส่เป็นประจำ เนื่องจากมีความชอบและอยากเป็นตำรวจ และมักจะแอบอ้างว่าชื่อ “รอง อุ้ย” สังกัดตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อให้ผู้อื่นเกรงใจ นอกจากนี้ ยังได้แอบอ้างกับพนักงานของรีสอร์ตดังกล่าวว่าเป็นตำรวจ เพื่อขอพักอาศัยและรับประทานอาหาร โดยแจ้งกับพนักงานว่า ขอค้างค่าที่พักและค่าอาหารไว้ก่อนแล้วจะนำมาชำระให้ภายหลัง ซึ่งต่อมาตนได้ชำระเงินค่าใช้จ่ายกับรีสอร์ตไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ค้างจ่ายอีกประมาณ 14,000 บาท ส่วนกรณีหมายจับของศาลล้มละลายกลางนั้น เดิมตนและภรรยาเช่าซื้อบ้านที่ จ.แพร่ ไว้กับธนาคาร ต่อมาเมื่อปี 2554 ประสบปัญหาเศรษฐกิจ จึงไม่สามารถชำระหนี้กับธนาคารได้จึงถูกฟ้องร้องเป็นคดี
เบื้องต้นแจ้งข้อหา “แต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ, แต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบตำรวจกระทำการใดๆ อันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเป็นตำรวจ, สวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ, มีและใช้เครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวส่ง สภ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป