โฆษก ตร.-แพทย์ รพ.ตำรวจ แถลงชี้แจงกรณี ร.ต.อ.สังกัดตำรวจรถไฟ ป่วยโควิด-19 คิดสั้นผูกคอเสียชีวิตในห้องน้ำโรงพยาบาล คาดเครียดจากอาการป่วย ซ้ำยังละอายใจที่เป็นต้นเหตุให้แม่-ภรรยาเสี่ยงติดเชื้อ
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.นพ.พรชัย สุธีรคุณ นายแพทย์ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ร่วมกันแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี ร.ต.อ.บุญชู พรรณกลิ่น อายุ 59 ปี รอง สว.(ป.) กก.4 บก.รฟ. ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วยชั้น 11 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลตำรวจ
พล.ต.ท.นพ.พรชัยเปิดเผยว่า สำหรับอาการป่วยของ ร.ต.อ.บุญชู ในช่วงแรกยังไม่มีอาการ แต่มีโอกาสไปสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้รับผลเป็นบวกคือติดเชื้อโควิด จึงติดต่อมาที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงไปรับตัวมาเพื่อดูแล ช่วงแรกที่มาถึงโรงพยาบาลผู้ป่วยไม่มีอาการจึงให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามในวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏวันถัดมาเริ่มมีอาการหายใจติดขัด เมื่อพบว่ามีอาการเพิ่มมากขึ้น จึงย้ายผู้ป่วยเข้าไปรักษาตัวที่อาคารเฉลิมพระเกียรติเพื่อดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยมีประวัติเป็นเบาหวานอยู่ มีอาการหายใจไม่ค่อยสะดวก มีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ ในวันเกิดเหตุผู้ป่วยขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำแล้วหายเงียบไป พยาบาลจึงติดตามไปดูพบผู้ป่วยอยู่ในห้องน้ำ และผู้ป่วยหยุดหายใจไป จึงพยายามนำผู้ป่วยออกมา ทีมแพทย์พยายามกู้ชีพอย่างเต็มที่ สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ สรุปว่าผู้ป่วยเสียชีวิตที่หอผู้ป่วย ตึกเฉลิมพระเกียรติ
พล.ต.ท.นพ.พรชัยกล่าวถึงมาตรการในการดูแลผู้ป่วยทั้งโรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาลตำรวจว่า ทางโรงพยาบาลยกระดับการดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี ทั้งการเตรียมการในห้องผู้ป่วยปกติ ขณะนี้มีการแบ่งผู้ป่วยไว้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นผู้ป่วยที่ยังไม่ปรากฏอาการจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม หากผู้ป่วยมีอาการมากขึ้นจะย้ายผู้ป่วยไปยังหอผู้ป่วยที่จะดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยได้มีการปรับระดับมาตรฐานให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี โดยได้เตรียมเครื่องมือให้มากขึ้นและปรับอะไรที่ขาดให้มีห้องต่างๆ ครบถ้วนขึ้น ยืนยันว่าโรงพยาบาลตำรวจมีมาตรฐานในการตรวจมีความพร้อมในการรักษาอย่างเพียงพอ
พล.ต.ท.นพ.พรชัยกล่าวอีกว่า โรงพยาบาลตำรวจมีกลุ่มงานจิตเวชดูแลอยู่ มีเว็บเพจชื่อ Depress We Care หากมีความเครียดสามารถปรึกษาได้ตลอดเวลา แต่เนื่องจากหน่วยงานยังมีข้อจำกัดอยู่ หากมีปัญหายังสามารถโทร.ติดต่อปรึกษาหารือกับกรมสุขภาพจิตได้ด้วย ในรายนี้เราไม่ทราบว่าผู้ป่วยเครียด เพราะผู้ป่วยเข้ามาในโรงพยาบาลเพียง 2-3 วัน สิ่งที่แพทย์ระมัดระวังในช่วงแรกคืออาการเจ็บป่วยกับปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงไม่ทันระวังในเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้ได้เพิ่มมาตรการในการระมัดระวังเรื่องความเครียดของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น พร้อมยอมรับว่าขณะนี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน บางครั้งการคัดกรองอาจจะทำได้ยาก อีกทั้งสถานพยาบาลขณะนี้มีปัญหาการรองรับผู้ติดเชื้อไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยแต่ละวัน จึงทำให้มีการส่งตัวผู้ติดเชื้อมายังโรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประวัติ หรือภาวะความเครียดย้อนหลังก่อนเข้ามารักษาตัวได้
ขณะที่ พล.ต.ต.เมธีกล่าวว่า หลังรับแจ้งจาก รพ.ตำรวจ ว่ามีผู้เสียชีวิต ทาง ผกก.ปทุมวันก็รายงานให้ตนทราบ จึงแนะนำการปฏิบัติ แจ้งให้พนักงานสอบสวนท้องที่ร่วมกับแพทย์ชันสูตรพลิกศพผู้ตาย ขณะเข้าไปตำรวจใส่ชุดป้องกันเชื้อโควิด-19 ตามมาตรฐานของสาธารณสุข
ด้าน พ.ต.อ.พันษากล่าวถึงการดำเนินการชันสูตรพลิกศพว่า ช่วงหลังเวลา 17.00 น.วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนไปทำการตรวจที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์ผู้ชันสูตร ภายในห้องน้ำหอพักผู้ป่วย ชั้น 11 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ตำรวจ เบื้องต้นสาเหตุเสียชีวิตมาจากการขาดอาการหายใจ และทำให้ตนเองเสียชีวิต ไม่ได้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จากนั้นได้ส่งศพไปที่นิติเวช รพ.ตำรวจ
“จากการสอบสวนถึงมูลเหตุจูงใจ ทราบว่าผู้ตายเครียดที่ทำให้แม่ ภรรยา และลูกเสี่ยงติดเชื้อ ขณะนี้แม่กับภรรยา ได้ไปตรวจหาเชื้อและอยู่ระหว่างกักตัว ผู้ตายก็ยังไม่รู้ผลว่าแม่และภรรยาติดเชื้อหรือไม่ ประกอบกับผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นความดันและเบาหวาน รักษาตัวอยู่ที่ รพ.รามาธิบดี ระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ รพ.ตำรวจ รู้สึกรักและเป็นห่วงครอบครัว แต่ไม่กล้าโทร.ไปคุยกับแม่และภรรยาเพราะรู้สึกละอายใจ แต่ได้โทร.ไปคุยญาติสนิท และบ่นว่าทำไมต้องมีโรคนี้ด้วย สอดคล้องกับการบ่นกับเพื่อนผู้ป่วยที่ รพ.ตำรวจ ว่าฝากแม่กับครอบครัวด้วย จนวันเกิดเหตุ ผู้ตายเข้าห้องน้ำตั้งแต่ 15.00 น.ตามปกติ จนเวลา 16.00 น.มีโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้ง เพื่อนที่อยู่ในห้องพักด้วยกันก็จะตามให้มารับโทรศัพท์ เรียกไม่ตอบ เห็นว่านานเกินไปจึงตามแพทย์และพยาบาลมาก็พบว่าเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ ใช้เข็มขัดผูกกับที่แขวนเสื้อในห้องน้ำ โดยใช้เข็มขัดผูกคอตนเองกับตะขอเหล็กบริเวณอ่างกระจกล้างหน้าในห้องน้ำ” ผกก.สน.ปทุมวัน ระบุ
พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวว่า ยืนยันอีกครั้งตามการชันสูตรของตำรวจท้องที่และการสอบพยานแวดล้อม ผู้ตายไม่ได้ตายด้วยโรคโควิด-19 ตายเนื่องจากทำให้ตัวเองตายด้วยความเครียดส่วนตัวด้วยโรครุมเร้า ตำรวจได้มีการชันสูตรพลิกศพตามระเบียบข้อกฎหมายทุกประการ วันนี้ศพอยู่ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อรอรับกลับไปบำเพ็ญกุศล