xs
xsm
sm
md
lg

ศึกคนกันเอง ใต้บัลลังก็ลุงป้อม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 วันที่ 20 เม.ย.64 นำเสนอรายงานพิเศษ ศึกคนกันเอง ใต้บัลลังก็ลุงป้อม



จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีข้าราชการการเมือง สังกัดกระทรวงยุติธรรม ชื่อย่อ “ส.” ส่งคนไปสอบในการเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ ระดับปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งแทนนั้น

หลังจากเป็นข่าว คนแรกที่ออกปฏิเสธทันควัน ไม่พ้นเจ้ากระทรวง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรงงยุติธรรม ที่บังเอิญมีชื่อย่อ “ส.” เช่น โดยนายสมศักดิ์ระบุว่า ส่วนตัวไม่เคยเรียนต่อชั้นปริญญาเอก และโยนกลองไปที่ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ว่าเป็นบุคคลที่ถูดเอ่ยถึงในข่าว และขอให้นายสามารถชี้แจงด้วยตัวเอง

ไม่เท่านั้น นายสมศักดิ์ ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การนำข่าวของนายสามารถออกมาในช่วงก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐ ที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 18 เมษายน 2564 ก่อนเลื่อนออกไปจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งนั้น อาจจะเกี่ยวข้องกัน

เพราะการมีข่าวในเชิงลบถึงนายสามารถ ที่เป็นลูกน้องของนายสมศักดิ์ ย่อมกระทบต่อภาพลักษณ์ของกลุ่มสามมิตรที่แกนนำอย่างนายสมศักดิ์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐคนปัจจุบัน

โดยเฉพาะการที่กระแสข่าวหนาหูว่า จะมีการเปลี่ยนตัวนายอนุชา พร้อมแต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามาทำหน้าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐแทน

ทว่าก็มีปัจจัยที่น่าเชื่อได้ว่า ข่าวที่ออกมาไม่ได้พุ่งเป้าดิสเครดิตกลุ่มสามมิตร แต่ล็อกเป้าไปที่ นายสามารถ เท่านั้น โดยเฉพาะการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสปิริตให้นายสามารถลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี โดย นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อกลุ่มสามมิตร โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ และนายสุริยะ อย่างแนบแน่นกันมาตลอด

จึงเชื่อได้ว่า การที่นายสิระออกมารุกไล่นายสามารถให้แสดงสปิริต ย่อมไม่ใช่การโจมตีไปที่กลุ่มสามมิตร แต่เป็นการผสมโรงประชาทัณฑ์ นายสามารถ หรือที่มีชื่อเล่นว่า “ไอ้จ๊อบ” ของคนกันเองด้วยข้อหาหมั่นไส้ในพรรคพลังประชารัฐมากกว่า

โดยคนกันเองในพรรคมองว่า นายสามารถ ที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 48 ของพรรค ไม่ได้มีผลงานโดดเด่นในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่กลับได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม แบบค้านสายตา

อีกทั้งที่ผ่านมายังมีความพยายามในการแสดงความคิดเห็นโต้แย้งกับฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่ากับม็อบคณะราษฎร หรือม็อบสามนิ้ว ตลอดจนพรรคอนาคตใหม่ในอดีต มาจนถึงพรรคก้าวไกล ในลักษณะหิวแสง เบียดแย่งซีนคนในพรรคเพื่อให้เข้าตาผู้ใหญ่ โดยเฉพาะ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

แล้วยังมีการให้สัมภาษณ์ หรือการให้ข่าวแบบสุ่มสี่สุ่มห้า จนโดนทัวร์ลงหลายครั้ง ตั้งแต่การออกมาเหน็บแนมม็อบเยาวชนว่า อยากช่วยประเทศ แต่ไม่มีใครช่วยแม่ล้างจาน หรือกรณีข่าวดังพริตตี้ลัลลาเบลที่เสียชีวิตในงานปาร์ตี้ ก็ดันให้ข่าวว่า พริตตี้ลัลลาเบลมาเข้าฝันตัวเอง

ไม่รวมกับเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงการทำงานในกระทรวงยุติธรรมที่ข้าราชการไม่ยอมรับ ตลอดจนข่าวต่างๆในเชิงลบ

แต่ที่ทำให้นายสามารถถูกเพ่งเล็งอย่างหนักจากคนในพรรค ก็เมื่อช่วงปีใหม่ 2564 ที่ผ่านมา มีการระดมลงคอลัมน์กอสซิปในสื่อหลายแห่งอย่างผิดปกติ โดยมีเส้นเรื่องในทำนองว่า นายสามารถ เป็นคนสนิทหน้าใหม่ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร ซึ่งก็เป็นที่สงสัยว่า นายสามารถ ใช้วิธีการล็อบบี้สื่อ หรือใช้กำลังภายในอย่างไร จึงมีบทความออกมาเหมือนกันในแทบทุกสื่อ

แน่นอน นายสามารถ ต้องการยกระดับตัวเองเป็นคนใกล้ชิด บิ๊กป้อม ผู้ทรงอำนาจทั้งใสรัฐบาล และในพรรคพลังประชารัฐ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่เป็นไปตามที่นายสามารถคาด

เพราะกระทั่งตัว พล.อ.ประวิตร เองเมื่อเห็นบทความ ก็ยังแสดงความไม่พอใจผ่านคนข้างตัวว่า เหมือนตัวเองถูกนำชื่อไปใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเสริมบารมีให้กับนายสามารถ

จนว่ากันว่า เรื่องที่เล่นงานนายสามารถ “นายใหญ่” นี่แหละ ที่ไฟเขียวตีธงให้ปล่อยเอกสารเรื่องนี้ออกมา.


กำลังโหลดความคิดเห็น