“เพนกวิน” แถลงต่อศาล ไม่ยอมรับกระบวนพิจารณาคดี อ้างไม่ได้ประกันตัว ทำให้สู้คดีไม่ได้เต็มที่ พร้อมขอถอนทนาย และอดข้าวต่อ ด้านอัยการแถลงขอนำพยานเข้าสืบ 32 ปาก ใช้เวลา 9 นัด ส่วนทนายจำเลยเตรียมนำพยานเข้าสืบหักล้าง 15 ปาก ใช้เวลา 5 นัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต ด้านทนายจำเลยเผยศาลยังไม่อนุญาตให้ถอนตัวจึงทำหน้าที่ต่อ
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีหมายเลขดำที่ อ.286/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112 กรณีจำเลยร่วมชุมนุมปราศรัยกลุ่มม็อบเฟส เมื่อวันที่ 14-15 พ.ย. 2563 ที่แยกคอกวัว และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง โดยศาลเบิกตัวนายพริษฐ์ จำเลย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล ซึ่งนายพริษฐ์อดอาหารประท้วงในเรือนจำมากว่า 30 วัน ไม่ได้รับการประกันตัวคดีนี้และคดีชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี นายพริษฐ์นั่งรถเข็นห้อยสายน้ำเกลือ โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พร้อมทีมแพทย์คุมตัวเข้าห้องพิจารณาเช่นเคย นายพริษฐ์ที่อดอาหารประท้วงมีร่างกายผอมลง อิดโรย ดมยาดมอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ในช่วงการพิจารณาคดีนั้นมีบรรยากาศผ่อนคลายลงกว่าเมื่อครั้งนัดตรวจหลักฐานคดีชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 สำหรับวันนี้ศาลและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้นายพริษฐ์ได้นั่งพูดคุยกับมารดา ญาติ ทนายความ และเพื่อนนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ 2 คน ร่วมพูดคุยปรึกษาหารือกัน โดยสวมหน้ากากอนามัยป้องกันไวรัสโควิด-19
ต่อมาอัยการโจทก์ได้เสนอพยานเข้าสืบจำนวน 32 ปาก แต่นายพริษฐ์ จำเลย ได้แถลงไม่รับพยาน โดยขอแถลงต่อศาล พยายามลุกขึ้นจากรถเข็นแต่ไม่สามารถพยุงตัวลุกได้ ศาลจึงให้นั่งแถลงผ่านไมโครโฟน นายพริษฐ์กล่าวอย่างช้าๆ น้ำเสียงเปลี่ยนไปไม่มีแรงเหมือนเดิม ระบุว่า “ข้าแต่ศาลที่เคารพ เนื่องด้วยข้าพเจ้ายังไม่ต้องคำพิพากษาให้มีความผิดตามกฎหมายมาตราใดๆ ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ การที่ศาลคุมขังข้าพเจ้าไว้ทำให้ไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น กระบวนการนี้ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม จึงไม่ขอยอมรับ ขอปฏิเสธทุกกระบวนการไม่ลงลายมือชื่อใดๆ จนกว่าจะได้รับสิทธิการประกันตัวแล้วสู้คดีอย่างเต็มที่”
ศาลจึงอธิบายให้นายพริษฐ์ฟังว่า กระบวนการในวันนี้เป็นนัดตรวจพยานหลักฐาน ถ้าไม่กำหนดวันนัดคดีเพื่อสืบพยานก็จะทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าปฏิเสธไม่ยอมรับกระบวนการก็จะบันทึกที่นายพริษฐ์แถลง นายพริษฐ์กล่าวตอบว่า ตนขอปฏิเสธ เพราะไม่ได้ประกันตัว ทำให้ต่อสู้คดีได้ไม่เต็มที่ และขอถอนทนายความไปพร้อมกันนับจากวันนี้เป็นต้นไป
หลังการพิจารณาเสร็จสิ้น ศาลอ่านกระบวนพิจารณาสรุปได้ว่า จำเลยยืนยันให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ทุกประการ โจทก์ติดใจสืบพยานทั้ง 32 ปาก จำเลยและทนายจำเลยแถลงรับไม่ข้อเท็จจริงในส่วนของพยานโจทก์ทุกปาก โจทก์แถลงเพิ่มเติมว่า เมื่อฝ่ายจำเลยไม่ยอมรับข้อเท็จจริง โจทก์ติดใจสืบพยานปากทั้ง 32 ปาก และจะแถลงเกี่ยวกับพยานที่โจทก์จะนำสืบเพื่อขอออกหมายเรียกมาในภายหลัง ขอใช้เวลาสืบพยานโจทก์จำนวน 9 นัด
จำเลยแถลงว่า ขอให้การปฏิเสธและปฏิเสธกระบวนการในชั้นศาลนี้เนื่องจากจำเลยไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวทำให้ไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ หากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยจะให้การยอมรับในกระบวนการยุติธรรมและจะขอต่อสู้คดี จำเลยขอถอนนายกฤษฎางค์ นุตจรัส, น.ส.กุณฑิกา นุตจรัส และ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ออกจากการเป็นทนายความ
ทนายจำเลยแถลงว่า เมื่อจำเลยขอถอนทนายความ แต่เมื่อศาลยังไม่ได้อนุญาตให้ถอน จึงจะขอทำหน้าที่ทนายความต่อไปและได้เคยยื่นบัญชีระบุพยานไว้ฉบับลงวันที่ 5 มี.ค. 2564 มีพยานบุคคล 4 ปาก และในวันนี้ได้เตรียมบัญชีระบุพยานไว้เพื่อยื่นเพิ่มเติมโดยมีพยานบุคคล 11 ปาก รวมทั้งหมด 15 ปาก เพื่อเป็นการรักษาสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลยในขณะที่ยังทำหน้าที่ทนายความ จึงขอกำหนดวันนัดในส่วนของจำเลยไว้ตามที่ได้แถลง ส่วนจำนวนวันนัดของจำเลยขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล หากมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับพยานจะมีการแถลงให้ศาลทราบเพื่อกำหนดวันนัดเกี่ยวกับพยานเพิ่มเติมต่อไป
ศาลพิเคราะห์ตามคำแถลงของโจทก์และข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว เห็นควรกำหนดนัดสืบพยานให้โจทก์ 9 นัด นัดสืบพยานจำเลย 5 นัด ให้คู่ความไปกำหนดวันและเวลานัดที่ศูนย์นัดความ โดยแจ้งให้คู่ความทราบว่า ศาลจะพิจารณาคดีติดต่อกัน เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วเสร็จจะสืบพยานจำเลยต่อทันที ศาลจะเพิ่มวันนัดสืบพยานให้ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้เท่านั้น และให้คู่ความปฏิบัติตามคำสั่งในการเตรียมคดีตามคำสั่งศาล ให้หมายเบิกจำเลยมาในวันสืบพยานทุกนัด อนุญาตให้ถอนทนายความทั้งสามได้
หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดี บรรยากาศด้านนอกห้องพิจารณามีกลุ่มเพื่อนของนายพริษฐ์และประชาชนมายืนรอให้กำลังใจบริเวณแนวรั้วกั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข็นรถเข็นนายพริษฐ์ออกมาจากห้องพิจารณาเพื่อลงไปห้องควบคุมใต้ถุนศาล ผู้หญิงวัยกลางคนที่มายืนให้กำลังใจรายหนึ่งได้ตะโกนขอร้องให้เลิกอดอาหาร สงสารแม่ อย่างต่อเนื่อง ส่วนเพื่อนได้ให้กำลังใจ ขณะที่นายพริษฐ์ได้ชูสามนิ้วโดยไม่พูดตอบโต้ใดๆ