xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอาญาชี้ ราชทัณฑ์พาแกนนำม็อบตรวจโควิดตอนดึกไม่เหมาะสม กระทบสิทธิผู้ต้องขัง เตือนให้ใช้ความระมัดระวัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ศาลอาญาชี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ พา “แกนนำคณะราษฎร” ไปตรวจโควิด-19 ตอนดึกไม่เหมาะสม ให้เพิ่มความระมัดระวัง ไม่ให้กระทบสิทธิผู้ต้องขัง



เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งไต่สวนคำร้อง คดีดำหมายเลขที่ อ.287/2564 กรณี นายอานนท์ นำภา แกนนำราษฎร ยื่นคำร้องต่อศาลขอคุ้มครองความปลอดภัยชีวิตในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เกรงจะได้รับอันตรายถูกทำร้ายในเรือนจำ

ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลได้ไต่สวน นายอานนท์, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์

ในวันนี้ศาลได้เบิกตัวนายอานนท์ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทนายความมาฟังคำสั่ง

ศาลพิเคราะห์ประการแรกว่า ศาลมีอำนาจรับไว้ไต่สวนหรือไม่ เห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 28 บัญญัติรับรองสิทธิเสรีภาพในชีวิตร่างกายของบุคคลไว้และมีบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 90 อันเป็นบทบัญญัติให้ศาลตรวจสอบว่า การคุมขังชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพื่อคุ้มครองสิทธิของบุคคล การดำเนินการของรัฐจึงต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ของผู้ถูกควบคุมหรือขัง เป็นสำคัญ เมื่อมีการอ้างว่าบุคคลใดถูกคุมขังในคดีอาญา หรือในกรณีอื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายแล้วก็ถือว่ามีมูลที่ศาลจะดำเนินการรับคำร้องและดำเนินการไต่สวนฝ่ายเดียวได้ และศาลสามารถพิจารณาเหตุในการคุมขังตลอดจนพฤติการณ์และขั้นตอนการคุมขังให้ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างสมบูรณ์สมเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคลดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 25 ยังบัญญัติรับรองสิทธิของบุคคลที่จะยกบทบัญญัติคุ้มครองสิทธิของรัฐธรรมนูญขึ้นอ้างในศาลได้ จึงเห็นว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าวเป็นบทบัญญัติที่ให้ศาลตรวจสอบคุ้มครองให้การคุมขังเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เมื่อผู้ร้องอยู่ในฐานะจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาซึ่งถูกคุมขัง โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

เห็นว่า แม้ผู้ร้องกับพวกจะอยู่ภายใต้การคุมขังของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ กำหนดให้เรือนจำเป็นสถานที่ใช้ในการควบคุมขังหรือจำคุกผู้ต้องขังเมื่อผู้ร้องเป็นจำเลยขังตามหมายของศาลเจ้าพนักงานเรือนจำสามารถใช้อำนาจควบคุมผู้ต้องขังได้เพียงเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมกับพฤติการณ์เพื่อจัดการบังคับให้เป็นไปตามหมายขัง

ศาลจึงมีหน้าที่ดูเเละผู้ต้องขังให้ได้รับการรับรองคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายหากศาลละทิ้งหน้าที่นี้ ย่อมจะทำให้ขาดองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามหลักนิติธรรม ดังนั้น เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องอาจจะได้รับอันตรายแก่ชีวิตและร่างกายศาลอาญา ซึ่งเป็นผู้ออกหมายขังจำเลยไว้ระหว่างพิจารณาจึงสามารถรับคำร้องและดำเนินการไต่สวนรวมทั้งมีอำนาจเบิกตัวผู้ร้องและหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องอื่นมาดำเนินการไต่สวนให้ทราบถึงพฤติการณ์และข้อเท็จจริงต่างๆ ตามคำร้องได้

ปัญหาที่ต้องพิจารณาประการต่อไป มีว่าผู้ร้องถูกข่มขู่คุกคามอันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและร่างกายตามร้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนประกอบการเปิดภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดบริเวณห้องขังได้ความว่า
เมื่อเวลา 21.30 น. มีการแจ้งให้ผู้ร้องกับพวกทราบว่าจะนำจำเลยทั้ง 3 ไปแยกคุมขังไว้ที่เรือนพยาบาล แต่ผู้ร้องกับพวกไม่ยินยอม

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ มีความเห็นให้นำวิธีทางการแพทย์มาใช้เป็นมาตรการในการดำเนินการ จัดทีมบุคลากรทางการแพทย์ตรวจหาสารคัดหลั่งเพื่อหาเชื้อไวรัสโคโรนา มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และสั่งการให้เจ้าพนักงานเรือนจำในกลุ่มเรือนจำลาดยาว จัดทีมมาสนธิกำลังร่วมปฏิบัติการต่อมาเวลาประมาณ 23.35 น.เจ้าพนักงานเรือนจำบุคลากรทางการแพทย์เดินทางถึง แต่ผู้ร้องกับพวกไม่ยินยอมจึงกลับออกไป

จนกระทั่งเวลา 00.05 น. ของวันที่ 16 มี.ค. 64 เจ้าพนักงานเรือนจำและบุคลากรทางการแพทย์ชุดเดิมกลับมายังห้องขังอีกครั้งพร้อมชุดตรวจหาเชื้อพร้อมแจ้งว่าให้ผู้ต้องขังภายในห้องขังทุกคนเข้ารับการตรวจหาเชื้อ

ผู้ร้องกับพวกทั้ง 7 ยังคงปฏิเสธ โดยแจ้งว่าจะขอเข้ารับการตรวจในช่วงเช้า ส่วนผู้ต้องขังอื่นอีก 9 ราย ยินยอม และดำเนินการแยกตัวผู้ต้องขังทั้ง 9 ราย ที่ตรวจหาเชื้อออก

ต่อมาเวลา 02.10 น.เจ้าพนักงานเรือนจำ แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบสีกากี 5 คน และเจ้าพนักงานเรือนจำกลุ่มลาดยาว แต่งกายด้วยชุดปฏิบัติการพิเศษสีกรมท่า 5 คน กลับมายังห้องขัง พร้อมแจ้งจะนำตัวผู้ร้องกับพวกไปแยกคุมขังไว้ที่เรือนพยาบาล แต่ผู้ต้องขังทั้ง 7 คน ไม่ยินยอม มีการเจรจาจนถึงเวลา 02.19 น.

เห็นว่า ตั้งเเต่เวลา 21.30-02.30 น. เจ้าพนักงานเรือนจำเข้าพูดคุยกับผู้ร้องและพวกอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งต่างกระทำโดยมิได้มีท่าทีข่มขู่คุกคามหรือใช้ความรุนแรง ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ 5 คน ที่เดินทางไปพร้อมกับนายแพทย์วีระกิตต์ ล้วนแต่งกายด้วยเครื่องแบบบุคลากรทางการแพทย์และเป็นเพศหญิงถึง 4 คน มีการจัดเตรียมชุดเก็บสารคัดหลั่งหลังโพรงจมูกและชุดอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคล เชื่อว่า การอำนวยการปฏิบัติงานเป็นการดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด และต้องการแยกตัวจำเลยทั้ง 3 ไปคุมขังในสถานที่อื่น โดยมิได้มีความมุ่งหมายที่จะข่มขู่คุกคามหรือทำอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ผู้ร้องกับพวกเป็นบุคคลที่ถูกคุมขังในระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งถูกจำกัดเสรีภาพในร่างกายบางประการ โดยวัตถุประสงค์เพียงเพื่อป้องกันมิให้ผู้ต้องขังหลบหนี ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่ออันตรายประการอื่น

ผู้ร้องกับพวกและผู้ต้องขังอื่น ยังคงเป็นพลเมืองไทย ย่อมได้ความรับรองคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันเป็นสิทธิที่ถือติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการอย่างเท่าเทียมกันเฉกเช่นเดียวกับปวงชนชาวไทยทั้งปวง การนอนหลับพักผ่อนซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งในการดำรงชีพและดำเนินชีวิตอันเป็นปกติของบุคคลทั่วไป

เมื่อเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีมาตรการปิดโทรทัศน์ในช่วงเวลา 21.30 น.อันเป็นสัญลักษณ์แสดงนัยยะว่าถึงช่วงเวลาในการพักผ่อน เรือนจำจึงต้องยึดถือปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนที่ดำเนินมา โดยจัดให้ผู้ต้องขังได้มีช่วงเวลาพักผ่อนที่เหมาะสมเพียงพอไม่ถูกล่วงละเมิดเกินสมควร ผู้ร้องกับพวกในฐานะเป็นผู้ต้องขังคนหนึ่ง ย่อมต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันกับผู้ต้องขังอื่น

การเข้าตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดก็ดี การเปลี่ยนสถานที่คุมขังของผู้ต้องขังก็ดี พึงกระทำในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม การดำเนินการใดๆ หลังช่วงระยะเวลาดังกล่าว จึงกระทำได้ แต่เฉพาะปรากฏเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องกับพวกได้รับการคัดกรองโรคเบื้องต้น โดยตรวจวัดอุณหภูมิถึงสามครั้งจนผ่านเกณฑ์แล้ว แม้จะถูกย้ายตัวมาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค แต่ก็เป็นการเคลื่อนย้ายนักโทษระหว่างเรือนจำกับเรือนจำซึ่งต่างล้วนแต่มีมาตรการคัดกรองในระดับสูง

กรณีจึงยังไม่ปรากฏเหตุจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งรีบหรือเร่งด่วนถึงขนาดต้องดำเนินการแยกตัวผู้ร้องกับพวกออกจากผู้ต้องขังอื่นหรือเร่งตรวจหาเชื้อไวรัสให้แล้วเสร็จภายในคืนนั้น

หากปล่อยให้ระยะเวลาผ่านพ้นไปอีก 3 ชั่วโมง ก็จะถึงรุ่งเช้าซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาปกติ ที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่กระทบต่อการพักผ่อนของผู้ต้องขัง การกระทำของเจ้าพนักงานเรือนจำ แม้จะไม่ถึงขนาดเป็นการล่วงละเมิดต่อกฎหมาย แต่ก็ถือเป็นการกระทำโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของผู้ต้องขังอย่างเหมาะสม บนสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษยชนเเละอารยประเทศให้การรับรองและคุ้มครองการดำเนินการตรวจร่างกายผู้ต้องขัง หรือย้ายสถานที่คุมขัง หรือกระทำการใด กรมราชทัณฑ์จึงต้องดำเนินการช่วงเวลาที่เหมาะ สมควร เเละเป็นไปตามระเบียบ และแนวทางปฏิบัติที่ไม่กระทบกระเทือนต่อติดสิทธิขั้นพื้นฐานในการใช้ชีวิตในฐานะผู้ต้องขัง

ศาลเห็นว่า การดำเนินการของเจ้าพนักงานเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังอันกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องกับพวกเท่าที่ควร และเห็นควรให้เจ้าพนักงานเรือนจำที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่โดยใช้ความระมัดระวังเพื่อให้ผู้ร้องกับพวกได้รับความคุ้มครองสิทธิที่กฎหมายรับรอง
กำลังโหลดความคิดเห็น