“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ตอน เก้าอี้สำหรับคนสีเทา คนเดียวก็เหม็นแล้ว
ข่าวฉาวโฉ่ ป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก คือกรณีที่ นายสุนันท์ ศรีจันทรา นักเขียนนักข่าวอาวุโสแห่งสำนักข่าวผู้จัดการ แฉรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งคนมีคดีปั่นหุ้นเข้ามาเป็นข้าราชการการเมือง กินตำแหน่งในสำนักนายกรัฐมนตรี
ตามที่มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 16 มีนาคม 2564 แต่งตั้ง "นายอมร มีมะโน" และ "นายภูวิช ปัญญาสิทธิ" ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้เสนอ
ถัดจากนั้น 2 วัน "ร.อ.ธรรมนัส" ถึงกับต้องลงนามในหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อยกเลิกการแต่งตั้งดังกล่าว พร้อมๆกับที่ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยรักธรรม และ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย จะออกหน้ายอมรับเป็นผู้เสนอชื่อในโควต้าพรรค
ในบทความของสุนันท์ ศรีจันทรา ตั้งคำถามว่า ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาด ความสะเพร่าของกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง หรือเป็นเพราะ มาตรฐานทางด้านจริยธรรมทางการเมืองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต่ำ จึงทำให้นักปั่นหุ้นที่ยังมีคดีติดตัว ได้ตำแหน่งทางการเมือง
สุนันท์ย้ำว่า การที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งนายอมร ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นการตอกย้ำว่าสำนึกในมาตรฐานด้านธรรมาภิบาลทางการเมืองของรัฐบาลชุดนี้ต่ำจริงๆ ต่ำกว่าภาคเอกชนในตลาดหุ้นเสียอีก ต่ำจนไม่อายที่จะช่วยฟอกตัวให้นักปั่นหุ้น
ปัญหาของเรื่อง มีอยู่ว่า เมื่อปลายปี 2561 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกล่าวโทษนายอมร และพวกราม 40 คน ในความผิดสร้างราคาหุ้น หรือปั่นหุ้น AJD (ชื่อเดิม) โดยพฤติกรรมความผิดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคมถึง 8 ตุลาคม 2557 รวม 100 วันทำการ
ราคาหุ้น AJD ถูกปั่นราคาหุ้นจาก 2.60 บาท พุ่งขึ้นไปถึง 15 บาท โดยการปั่นหุ้น เกิดขึ้นภายหลังจากหุ้น AJD เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้เพียง 3 เดือน
ก.ล.ต.ดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งแก๊งนายอมร โดยสั่งปรับรวมเป็นเงิน 1,727.38 ล้านบาท ซึ่งเป็นโทษปรับที่มีวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมทั้งขึ้นบัญชีนายอมร ห้ามเป็นผู้บริหารบริษัทในตลาดทุน 3 ปี
แต่ นายอมร และพวกไม่ยอมจ่ายค่าปรับ ซึ่ง ก.ล.ต.ได้ส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการสั่งฟ้องบังคับชำระค่าปรับ โดยฟ้องเรียกชำระค่าปรับในอัตราสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด ในวงเงิน 2,303.06 ล้านบาท ตั้งแต่ประมาณกลางปี 2562 และ ยังไม่มีข่าวคืบหน้าใดๆ ในคดีนี้
ข้อมูลชัดเจนอย่างไม่มีข้อเคลือบแคลงใดๆทั้งสิ้น สำหรับพฤติการณ์ของนายอมร และพวก การตั้งบุคคลที่มีประวัติเช่นนี้เข้ามารับตำแหน่งในรัฐบาล เป็นเรื่องหยามหน้าประชาราษฏร์เป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นการฉีกหน้าตัวเองที่อ้างมาตลอดว่าเป็นรัฐบาลชุดนี้เข้ามาปราบโกง แต่ที่ไหนได้กลับฟอกตัวให้คนปั่นหุ้น
จะว่าไปแล้ว รัฐบาลกับการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ทำกันมาทุกยุคทุกสมัย หลักใหญ่ใจความก็เพื่อเป็นตำแหน่งปลอบใจ หรือดูแล ตอบแทนพวกพ้องในทางการเมือง บ้างเป็น ส.ส.สอบตก บางคนเป็นลูกน้องนักการเมือง หรือคนใกล้ชิดนักการเมือง ในสายนักธุรกิจ ก็จะได้รับแจกจ่ายตำแหน่งอย่างทั่วถึง
เหมือนกับว่าเป็นตำแหน่งสมนาคุณ ให้พวกพ้องมาเอาเกียรติยศไว้ประดับบารมีให้เท่ๆ ถึงขนาดมีการขนานนามว่าเป็นเก้าอี้พิมพ์นามบัตร หรือตำแหน่งเทกระโถน จึงแต่งตั้งกันแบบไม่ต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ใครจะเป็นโจรมาจากไหน ก็สามารถฟอกตัวกับตำแหน่งเหล่านี้ได้
การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็นับว่าสร้างเสียงวิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะการตั้งแกนนำ นปช. หลายคนมากินตำแหน่ง หลักจากเสร็จศึกเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี2553
หนึ่งในนั้นคือ "แรมโบ้อีสาน" สุภรณ์ อัตถาวงษ์ หรือวันนี้มีชื่อใหม่ว่า ดร.เสกสกล อัตถาวงษ์ เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง มาแล้ว
หรือแม้แต่นักธุรกิจอย่างนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ ก็เคยถูกตั้งเป็นที่ปรึกษารมว.มหาดไทย รวมถึง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ ที่เคยถูกตั้งให้เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมช.พาณิชย์ ตัวละครสำคัญในคดีทุจริตจำนำข้าว
จะเห็นว่าคนที่ต้องการมานั่งตำแหน่งข้าราชการการเมือง ต่างไม่ได้สนใจเรื่องเงินเดือนเพียงไม่กี่หมื่นบาท เช่น ตำแหน่ง ประจำเลขาธิการนายกฯ เงินเดือน 25,410 บาท บวกกับเงินประจำตำแหน่ง 2,850 บาท รวม 28,260 บาท เท่านั้น ส่วนใหญ่เงินเดือนพวกนี้ จะมีข้อตกลงกันระหว่างคนตั้งกับคนเข้ามาเป็น ว่าเงินเดือนให้กับเจ้าของโควต้า
หากแต่ ความต้องการที่สำคัญคือช่องทางในการหาประโยชน์สำหรับบางคน หรือบางคนก็ต้องการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล
ดังนั้น ตำแหน่งข้าราชการการเมือง ที่หลายคนมองว่าเป็นเพียงตำแหน่งเล็กๆ แต่อาจสร้างผลเสียอย่างใหญ่หลวงให้กับรัฐบาลอย่างคาดไม่ถึง ถ้าชะล่าใจคิดว่าจะตั้งใครก็ได้ หรือปล่อยผ่านให้คนมีมลทินได้เข้ามา.ก็จะเหม็นกันไปหมด เหมือนเช่นเรื่องที่เกิดในตอนนี้