ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดี “ผู้ตัดสินฟีฟา-ไลน์แมน-นายทุนพนัน-นักเตะ” 15 ราย พัวพันจ้างล้มบอล การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2017 เผย อัตราโทษหนักสุด จำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท
วันนี้ (18 มี.ค.) เวลา 09.00 น.ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษา คดีล้มบอลโตโยต้าไทยลีก ฤดูกาล 2017 หมายเลขดำ อ.2131/2561 ที่ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธีรจิตร หรือ เก๋ สิทธิศุข พร้อมพวก จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 15 คน ในความผิดฐานร่วมกันให้หรือขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพกระทำการล้มกีฬา, ร่วมกันให้ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ตัดสินหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขันหรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม, เป็นผู้ตัดสินเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขันหรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม, ร่วมกันและเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อให้กระทำการล้มกีฬา, ร่วมกันลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 20 ก.ย. 2560, วันที่ 21-26 ก.ค. 2560, วันที่ 10 ก.ย. 2560, วันที่ 11-23 ก.ย. 2560 นายธีรจิตร หรือ เก๋ สิทธิศุข ผช.ผู้ตัดสิน จำเลยที่ 1 ร่วมกับ กลุ่มนายทุน จำเลยที่ 2-6 ที่ให้หรือรับว่าจะให้เงินกับกลุ่มนักกีฬา จำเลยที่ 8-15 ซึ่งเป็นนักเตะทีมศรีสะเกษ เอฟซี และทีมราชนาวี เพื่อจูงใจให้ทำการล้มฟุตบอล รายการแข่งขัน ไทยพรีเมียร์ลีก (T1) ที่ใช้ชื่อรายการว่า โตโยต้า ไทยลีก ด้วยการแกล้งแพ้ เป็นเงินครั้งละ 300,000-800,000 บาท
และร่วมกันให้เงินครั้งละ 100,000 บาท กับ นายภุมรินทร์ คำรื่น ผู้ตัดสินฟีฟา 2017 จำเลยที่ 7 ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินกีฬาเพื่อจูงใจให้ทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาแข่งขัน เพื่อให้ผลการแข่งขันกีฬาฟุตบอลเป็นไปตามที่จำเลยกลุ่มนายทุน และจำเลยที่ 1 ซึ่งกลุ่มของจำเลยที่ 1-6 ก็เป็นผู้เล่นพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลไทยรายใหญ่ด้วย ที่เป็นการเล่นพนันผ่านทางเว็บไซต์
เหตุเกิดที่ ต.พร้าว อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู, ต.ในเมือง อ.อุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี, ต.สุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา, ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และ ตำบล-อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1, 2, 5, 7-15 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนจำเลยที่ 3-4, 6 ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาร่วมกันลักลอบพนันทายผลฟุตบอลโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ โดยจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยศาลตีราคาประกันคนละ 100,000-200,000 บาท
โดยวันนี้จำเลยที่ 1-15 พร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษาอย่างพร้อมเพรียง อย่างไรก็ตามผู้พิพากษายังอยู่ระหว่างปรึกษาผู้บริหารศาลอาญา จึงเลื่อนไปอ่านคำพิพากษาในเวลา 13.30 น.ช่วงบ่ายวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อจำเลยทั้งหมด 15 คน ที่ อัยการยื่นฟ้องต่อศาล ประกอบด้วย กลุ่มผู้ตัดสิน 2 ราย ได้แก่ นายธีรจิตร หรือ เก๋ สิทธิศุข อายุ 47 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ตัดสิน หรือ ไลน์แมน จำเลยที่ 1, นายภุมรินทร์ คำรื่น อายุ 34 ปี อดีตผู้ตัดสินฟีฟา 2017 จำเลยที่ 7
กลุ่มนายทุน (พนัน) หรือตัวแทนนายทุน 5 ราย ได้แก่ นายเชิดศักดิ์ หรือ จ่อย บุญชู อายุ 48 ปี อดีตผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 2, นายภาคภูมิ หรือ แบงค์ พันธ์นิกุล อายุ 34 ปี จำเลยที่ 3, นายมานิตย์ หรือ เศรษฐปสิทธิ์ หรือ ป้อม โกมลวัฒนะ อายุ 50 ปี จำเลยที่ 4, นายวัลลภ สมาน อายุ 48 ปี จำเลยที่ 5, นายกิตติภูมิ หรือ เด่น ปาภูงา อายุ 34 ปี อดีตนักเตะสโมสรชื่อดังไทยลีก จำเลยที่ 6
นักฟุตบอลอาชีพ 5 ราย ได้แก่ นายวีระ เกิดพุดซา อายุ 36 ปี อดีตผู้รักษาประตูนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จำเลยที่ 8, จ.อ.เสกสันต์ หรือ เสก ชาวทองหลาง อายุ 37 ปี อดีตนักเตะราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 9, จ.ท.สุทธิพงษ์ เหลาพร อายุ 31 ปี อดีตนักเตะราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 10, จ.ท.สุวิทยา นำสินหลาก อายุ 29 ปี อดีตนักเตะราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 11, นายณรงค์ วงษ์ทองคำ อายุ 39 ปี อดีตผู้รักษาประตูราชนาวี เอฟซี จำเลยที่ 12, ส.อ.ธีรชัย งามเจริญ อายุ 38 ปี อดีตนักเตะศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 13, นายทศพร เขม็งกิจ อายุ 35 ปี อดีตนักเตะศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 14, นายเอกพันธ์ จันดากรณ์ อายุ 35 ปี อดีตนักเตะศรีสะเกษ เอฟซี จำเลยที่ 15
สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจากตำรวจกองปราบปรามได้มองว่า มีการล้มบอล จึงมีการสืบข้อเท็จจริง จนสุดท้ายได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมูลเหตุจูงใจในการกระทำผิดนั้นเกิดจากสินพนันที่จะเอาไปพนัน สิ่งที่เกิดขึ้นก็มีกลุ่มทุนพนันที่ลงขันเพื่อจะไปจ้างนักกีฬาอาชีพล้มบอลและผู้ตัดสิน ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 โดยกลุ่มนายทุน ผู้จ้างกระทำผิดก็เข้าข่าย มาตรา 64 คือ ผู้ให้หรือรับว่าจัดให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพล้มบอล
นอกจากนี้ นายทุนยังได้จ้างกรรมการให้ตัดสินไม่เป็นไปตามกติกาหรือเที่ยงธรรม ตามมาตรา 66 ซึ่งโทษที่จะได้รับ ในข้อหาดังกล่าว คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 และฉบับที่ 4 พ.ศ. 2547 ม.4, 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12 โดยส่วนของนายทุนนี้อัยการยื่นฟ้องในเหตุการณ์แข่งขันรวม 5 แมตช์ ซึ่งมูลค่าทรัพย์ที่ได้มีการหมุนเวียนกระทำผิดอยู่ที่หลักล้านแต่ไม่ถึงสิบล้านบาท
ขณะที่กรรมการผู้ทำหน้าที่ตัดสินมีอัตราโทษสูง คือ มาตรา 67 ฐานผู้ตัดสินใดเรียก รับ หรือยอมจะรับสินจ้างหรือประโยชน์นั้น เพื่อทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามกติกาหรือไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม อัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 300,000-600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนนักกีฬาก็จะมีความผิดตาม มาตรา 65 คือ เป็นผู้เรียก รับ หรือยอมจะรับสินจ้างหรือประโยชน์นั้น เพื่อล้มกีฬาซึ่งอัตราโทษ คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี เช่นกัน หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยโทษดังกล่าวเป็นโทษทางอาญา แต่นักเตะหรือนักกีฬาอาชีพยังมีอีกส่วนคือ มาตรา 24 ซึ่งผู้ที่ถูกฟ้องและศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิดตาม มาตรา 64-67 ให้สโมสรกีฬาอาชีพหรือสมาคมกีฬาอาชีพนั้น ต้องตัดสิทธิการนำเสนอชื่อนักกีฬาคนนั้นเข้าสู่การแข่งขันทุกแมตช์เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี โดยในส่วนของกลุ่มกรรมการผู้ตัดสินและนักกีฬานั้นอัยการยื่นฟ้องในเหตุการณ์บางแมตช์ไม่ครบทั้ง 5 แมตช์