“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม 2564 ตอน คนดังแก่งกระจาน ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร แมว 9 ชีวิตกรมอุทยาน
ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับวิถีชีวิตข้าราชการในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ก่อนที่วันนี้เขาจะถูก ปปท. กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ชี้มูลความผิด และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไปแล้ว
จากคดีเผายุ้งฉางและบ้านเรือนของชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอน ในเขตวนอุทยานแก่งกระจาน ชัยวัฒน์ หรือหัวหน้าอี่ มีโชคชะตาขึ้นลง บางช่วงรุ่งสุดขีด บางปีร่วงลงแรงสลับกันไป อุปมาอุปไมยเหมือนแมวเก้าชีวิต
ในปี พ.ศ.2557-2558 เกิดประเด็นอื้ออึงขึ้นในกลุ่มนักสิทธิฯอีกครั้ง เมื่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะดึงตัวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร มาเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญาเสือ มาทำงานใหญ่ ให้มีอำนาจหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดทั่วทั้งประเทศ
ทั้งพลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ขณะนั้น กับนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯต่างยืนยันให้การสนับสนุน โดยขอโอกาสให้นายชัยวัฒน์ ได้พิสูจน์ฝีมือ ซึ่งเขาก็ไม่สร้างความผิดหวังจริงๆ
ผลงานปราบปรามผู้กระทำผิดต่อทรัพยากรธรรมชาติทั้งบุกรุกป่าสงวน ค้าสัตว์ป่า ค้าไม้เถื่อนถูกจับกุมดำเนินคดีมากมาย แต่ก็มีปมปัญหาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ประมาณว่ามีผู้ใหญ่ในกรมอุทยานฯใช้ ฉก.พญาเสือ ชำระแค้นส่วนตัว
ก็คือ กรณีจับบ้านพักตากอากาศของนายสมัคร ดอนนาปี อดีตข้าราชการระดับสูง ของกรมอุทยานฯที่ชอบแฉโพยข้าราชการระดับสูงของกรมอุทยานฯและกระทรวงทรัพย์ฯ
ขณะที่นายชัยวัฒน์ ก็ถูกเอาคืนด้วยการแฉกลับ ถึงอาณาจักรไร่ราชพฤกษ์ มีบ้านพักหลังใหญ่สร้างด้วยไม้หายาก เรียกว่าสองฝ่าย สมัครกับชัยวัฒน์จุกไปพอสมควร
ทั้งหัวหน้าอี่ และนายสมัคร ต่างมีเรื่องฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลไม่ว่าจะเป็นคดีใหญ่หรือคดีเล็กน้อยแต่ทั้ง 2ฝ่ายต่างถูกศาลพิพากษาให้มีความผิด ข้อหาหมิ่นประมาท เรียกว่าเป็นคู่กัดคู่อาฆาต ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันเลยทีเดียว
เส้นทางราชการของนายชัยวัฒน์ แม้ไม่ราบรื่น ความดีความชอบต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยยาก หลายต่อหลายครั้งมีทั้งความขัดแย้งและเฉียดคุกตะราง แต่ชัยวัฒน์ก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้บังคับบัญชา ที่เล็งเห็นผลความสำเร็จ
เมื่อถึงจุดหนึ่งนายชัยวัฒน์ จึงถอยออกมาจากบทบู๊ จากหัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญาเสือ มาเป็นที่ปรึกษาและได้รับการปูนบำเหน็จติดดอกสัก 2 ดวงขึ้นเป็น ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี แต่”กรรมเก่า”ยังคงวนเวียนมาไม่จบสิ้น
ทั้งคดีความอุ้มบิลลี่ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขุดคุ้ยขึ้นมาก แม้จะจบลงด้วยการที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่ล่าสุดคือคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.ให้นายชัยวัฒน์ กับพวกรวม 6 นายออกจากราชการ
ฐานผิดวินัยตามมาตรา 157 กรณีเผาบ้านและยุ้งฉางของชาวกะเหรี่ยง โดยขั้นตอนต่อไปจะส่งสำนวนสอบสวนให้ต้นสังกัดพิจารณาความผิดวินัย ส่วนคดีอาญาส่งให้อัยการฯเป็นผู้ดำเนินการ
เป็นข่าวใหญ่เพียงวันเดียว รุ่งขึ้นนายชัยวัฒน์ สวนกลับนิ่มๆ แต่เป็นระบบโดยไม่เชื่อว่ากระดาษเพียงแผ่นเดียวจะสามารถพิสูจน์ความผิดเขาได้ และมองเรื่องนี้ไม่เป็นธรรม สำหรับเขาพร้อมยืนยันให้เห็นอีกว่าระหว่าง 90 วันที่สามารถใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ได้นั้นเขาจะยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นนายชัยวัฒน์ ยังนำคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีนายโคอิ หรือหน่อแอะ มีมิเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2559 มีใจความสำคัญว่า...
ที่ตั้งชุมชนชาวกะเหรี่ยงบ้านกลอย หมู่ที่ 1 บ้านโป่งลึก หมู่ 2 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ไม่ใช่แปลงที่ดินทำกินที่ทางการจัดสรรให้และไม่ใช่พื้นที่ชุมชนดั้งเดิมของชาวกะเหรี่ยง
จึงเป็นการบุกรุก แผ้วถางป่า คณะเจ้าหน้าที่ย่อมมีอำนาจรื้อถอนหรือเผาทำลายและโดยสภาพพื้นที่เป็นป่าลึกในลักษณะดังกล่าว การรื้อถอนให้คงเหลือวัสดุก่อสร้างไว้ที่เดิมย่อมทำให้ผู้กระทำผิดนำไปใช้ในการก่นสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่ได้
การรื้อถอนจึงย่อมจะไม่มีผลทำให้การป้องกันและปราบปรามการบุกรุกแผ้วถางป่าบรรลุผลไปได้ ดังนั้นการที่คณะเจ้าหน้าที่ทำการเผาสิ่งปลูกสร้าง จึงเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องเหมาะสมตามควรแก่กรณีแล้ว
แบบนี้ก็ช็อกกันไป ต้อง...จับตากันต่อไป ระหว่างคำวินิจฉัยของ ป.ป.ท.และคำพิพากษาศาลปกครองกลาง 90 วันของการอุทธรณ์ ผลจะออกมาอย่างไร