xs
xsm
sm
md
lg

รวบสาวสองสุดแสบ แฮกไอจีหมอเสริมความงามหลอกขายกระเป๋าหรู พบเคยต้องคดีตุ๋นขายหน้ากากอนามัย อยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร.แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา
MGR Online - ตร.รวบสาวสองร่วมแก๊งแฮกไอจี หมอเสริมความงาม หลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนม เสียหายนับสิบล้าน เผยประวัติสุดแสบ เคยต้องคดีตุ๋นขายหน้ากากอนามัยเมื่อปีที่แล้ว อยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี

วันนี้ (17 ก.พ.) เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาแฮกอินสตาแกรม หลอกหลวงขายของแบรนด์เนม มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายนับสิบล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า คดีแรก จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายชัยวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี และ นายพายุพัศ หรือ เปรี้ยว (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

สำหรับพฤติการณ์ผู้ต้องหาจะสุ่มแฮกบัญชี Facebook Instagram หรือ Line โดยจะเลือกบัญชีที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีการโพสต์ขายกระเป๋าแบรนด์เนมมาก่อน อย่างกรณีนี้ผู้ถูกแฮกไอจีเป็นแพทย์เสริมความงาม มีความสนใจสินค้าแบรนด์เนม แต่ไม่ได้มีการจำหน่ายสินค้า จากนั้นจะเริ่มแฮกใน 2 วิธี คือ “นำหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าของบัญชีที่มีการโพสต์ไว้ มาใส่เป็นรหัสผ่าน หรือ password” ถ้าตรงก็สามารถแฮกได้ หรืออีกวิธี โดยการกด “ลืมรหัสผ่าน forget password” ระบบจะส่งรหัส OTP เข้าไปที่หมายเลขของเจ้าของบัญชี จากนั้นผู้ต้องหาก็จะสร้างไลน์ปลอมเป็นเพื่อน เข้าไปทักและหลอกให้ผู้เสียหายส่ง OTP ให้

เมื่อแฮกได้แล้ว ก็จะทำบัญชีมาโพสต์หลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง มีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อ โอนเงินให้แต่กลับไม่ได้กระเป๋า มีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความแล้ว 17 ราย แบ่งเป็นสถานีตำรวจในพื้นที่ บช.น. 12 คดี และสถานีตำรวจในต่างจังหวัดอีก 5 คดี โดย นายเปรี้ยว ซึ่งเป็นสตรีข้ามเพศ หนึ่งในผู้ต้องหานี้ได้เคยถูกจับกุมมาแล้ว 2 ครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ส่ง สน.บางซื่อ และ สน.มีนบุรี ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น พฤติการณ์คือปลอม Facebook ขึ้นมาเพื่อโพสต์ขายหน้ากากอนามัย แต่ไม่ส่งหน้ากากให้ลูกค้า มีผู้เสียหายกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างประกันตัวในชั้นศาล แต่กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก

อีกคดี จับกุมตัว น.ส.กุลธิดาลักษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือโดยหลอกลวง,​ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" พฤติการณ์ผู้ต้องหา ได้ประกาศขายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ใน Facebook ชื่อ “Celebrity Brandname กระเป๋าแบรนด์เนมแท้มือ 2 ของแท้ 100% รับซื้อ ฝากขาย จำนำ” ภายหลังมีผู้สนใจเป็นจำนวนมากโอนเงินซื้อสินค้า แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับสินค้า ซึ่งน่าเชื่อว่าสินค้าไม่ได้มีอยู่จริงตั้งแต่ต้น ผู้ต้องหากระทำผิดต่อเนื่องหลายคดี จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งสองคดี มีพฤติการณ์คล้ายๆ กัน คือ มีการหลอกลวงขายสินค้าทางโซเชียลมีเดีย มีผู้เสียหายจำนวนมาก ทั้งที่แจ้งความแล้วและยังไม่ได้เข้าแจ้งความ มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท

“ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนเรื่องการใส่ข้อมูลส่วนตัว ลงในโซเชียล ตรงนี้เป็นดาบสองคม ด้านหนึ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในการขายสินค้าออนไลน์ แต่ก็เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำข้อมูล เบอร์มือถือ วันเดือนปีเกิด ใช้เป็นข้อมูลในการแฮกบัญชี ส่วนการโอนเงินชำระค่าสินค้าทุกครั้งขอให้ตรวจชื่อบัญชีทุกครั้งว่าตรงกับผู้ที่เราต้องการโอนเงินให้” รอง ผบ.ตร.กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.น. กล่าวว่า การปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลซึ่งศูนย์ PCT ตร. ให้ความสำคัญทั้งในด้านการปราบปราม และการสร้างภูมิกันให้กับประชาชนโดยการผลิตคลิป เตือนภัย เช่น คลิป “รู้ทัน แชร์ลูกโซ่”, “รู้ลึก พนันออนไลน์ ภัยใกล้ตัว กับติ๊ก บิ๊กบราเธอร์”, “ลงทุนแค่ 100 ได้เงินเป็น 1,000,000”, “3 กระบวนยุทธ์ สกัดหยุด การโจรกรรมข้อมูลออนไลน์” ล่าสุด ได้เผยแพร่คลิป “ภัยใกล้ตัว ระวัง เงินหายหมดบัญชี” ซึ่งเป็นการเตือนภัยจากการหลอกขอ OTP โดยสามารถเข้าไปดูได้ที่ Facebook Page และ Youtube @PCTPOLICE และจะมีการผลิตคลิปเตือนภัยทุกเดือน เพื่อให้ทันต่อรูปแบบของอาชญากรรมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากพบพฤติการณ์ดังกล่าวสามารถโทรแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน ตร. 1599 ตลอด 24 ชม. หรือสายตรง ศูนย์ PCT 081-8663000 เฉพาะเวลาราชการ





กำลังโหลดความคิดเห็น