ถอน..หมุดข่าว
แม้ข้าราชการในกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จะพากันปิดปากเงียบแต่เสียงซุบซิบ ลอยตามลมมา จนมองเห็นว่าองค์กร ที่ขึ้นชื่อว่ามีภาพลักษณ์ที่ดีแห่งนี้ แท้จริงแล้วมีปัญหาหมักหมมอยู่ใต้พรมมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่งข้าราชการระดับบริหาร เสียงซุบซิบยังมีข้อกล่าวหากันว่า ใครก็ตามหากต้องการขึ้นเป็นหัวหน้าแผนก หรือ ผอ.จะต้องเป็นเพื่อนร่วมสถาบันคนใหญ่คนโตในกระทรวง
หรือ...ผ่านการเห็นชอบจากทีม “เลขา ซอ โซ่ “ ก่อน“จัดให้”ตามประสงค์ โดยช่องตีตั๋วให้ข้าราชการระดับสูงของกรมฯนี้เลือกได้ตามอัตราที่วางไว้ สุดแท้แต่ว่าจะมีอะไรตามชื่อกระทรวงมากน้อยแค่ไหน ให้เรียกคืน
มาว่ากันในเรื่องนโยบายบ้าง ตั้งแต่ คสช.กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ นโยบายสำคัญคือการทวงคืนผืนป่า ในส่วนของผู้ปฏิบัติอำนาจรัฐให้ความไว้วางใจนายธัญญา เนติธรรมกุล ขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯทำหน้าที่ทวงคืนผืนป่าอย่างเข้มแข็ง
จนแวดวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยกให้เป็นเบอร์ 1 ไม่มีใครกล้าแตะเพราะ...งานดี-นายดี เป็นลูกรักของ “บิ๊กเต่า”พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ในขณะนั้น
ตลอดเวลา 4 ปีของการบริหารงานนายธัญญา ตอบสนองนโยบายรัฐเต็มที่ ทั้งโครงการ “สวนป่าประชารัฐ” หรือ “ป่าในเมือง”แต่อาจจะเร่งปลูกผักชีมากไปหน่อย พอขึ้นป้ายในถิ่นอดีตนายกฯชวน หลีกภัย ก็มีเสียงลอยลมทำนองว่า แค่เปลี่ยนป้ายก็ได้ป่า
เท่านี้ก็ทำให้ผู้บริหารกรมอุทยานฯนั่งไม่ติด มีเรื่องราวฟ้องร้องกัน
ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่ายังไม่เข้าเป้า “บิ๊กเต่า”จำต้องหลุดจากตำแหน่ง ปล่อยให้รัฐบาลเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่และได้ “บิ๊กท็อป”นายวราวุธ ศิลปะอาชา พร้อมทีมงานเข้ามากำกับดูแลแทน
ล่วงเลยเวลามาตามอายุรัฐบาลอย่างน้อย 1 ปี 8 เดือน ผลงานยังไม่ปรากฏเป็นที่กล่าวขานถึงสักเท่าไหร่ แต่ว่าแปลกสุดแปลกคือแรงเชียร์จากซุปเปอร์โพล ยกให้เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานประชาชนชื่นชอบ
ปัญหาการซื้อขายตำแหน่งยังคงมีเรื่องร้องเรียนอยู่เนืองๆ ปัญหาช้างป่าบุกที่ทำกินชาวบ้าน ปัญหาชาวบ้านเอาคืนช้างป่าผลัดกันฆ่าไปมา กระทั่งล่าสุดเกิดเหตุสลดใจ “พลายดื้อ”ทำร้ายนักท่องเที่ยว จนตายคาเต็นท์บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
จนป่านนี้ก็ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหา ช้างทำร้ายคน คนทำร้ายช้างได้
แต่ที่หนักหนาสะเทือนไปทั้งรัฐบาล ก็คือกะเหรี่ยงบางกลอย แห่งอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
เกิดรอยร้าวกับกลุ่มนักอนุรักษ์ และสิทธิมนุษยชน อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
สัญญาณแรงๆจากการลาออกของ 6 นักวิชาการคณะทำงานยุทธศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ลาออกเพราะเขาเห็นว่ารัฐบาลโดยกระทรวงทรวงทรัพย์ฯและกรมอุทยานฯขาดความจริงใจในการแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาการถือครองที่ดินในเขตป่า ซึ่งทราบกันอย่างกว้างขวางว่า หลายพื้นที่ หลายจังหวัดคนมาก่อนรัฐ จะประกาศให้เป็นเขตอุทยานฯ
ความเข้าใจวิถีชีวิต จารีตประเพณีและวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองนำสู่ความขัดแย้งและรุนแรง ขนาดเกิดคดีอุ้มฆ่า เกิดการบุกเผากระท่อมเพื่อผลักดันให้กะเหรี่ยงลงจากผืนป่าที่พวกเขายืนยันว่า เข้าทำกินสืบทอดมายาวนานชั่ว 3 อายุคน
คนอยู่กับป่าได้หรือไม่ได้ยังไม่ทันให้สังคมช่วยกันพิสูจน์ให้สะเด็ดน้ำ รัฐโดยกรมอุทยานฯตัดสินใจใช้วิธีเหยี่ยวและเพิกเฉยกระทั่งกะเหรี่ยงบางกลอยกับกลุ่มสิทธิฯจับมือลุกขึ้นสู้ สถานการณ์ลุกลามขยายวงจนเป็นเหตุประท้วง
แม้นายวราวุธ จะแสดงท่าทีอ่อนลงขอให้ถอยคนละก้าว แต่ก็อาจสายไป เพราะห้วงเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์ถึงความจริงใจ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม นายธัญญา เนติธรรมกุล ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของกรมอุทยานฯ เป็นอธิบดีฯเพียงคนเดียวที่สร้างประวัติศาสตร์นั่งอยู่ในตำแหน่งครบ 4 ปีและ ครม.ต่ออายุการทำงานให้อีก 1 วาระ โดยจะครบในวันที่ 22 ก.พ.นี้...
สิ่งที่ข้าราชการกระทรวงทรัพย์ฯและข้าราชการกรมอุทยานฯหรือในแวดวงจับตาก็คือ ครม.จะต่ออายุการทำงานให้กับเขาเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่
ถ้าต่อจะด้วยเหตุผลอะไร มีความจำเป็นขนาดไหน
เหตุผลพอฟังได้ หรือหักล้างความบกพร่องอื่นๆหรือไม่
รวมทั้งเป็นการปิดกั้นระบบราชการ ปิดกั้นความก้าวหน้าของผู้มีความเหมาะสมให้เกิดการไหลลื่น เปลี่ยนผ่าน เปิดรับสิ่งใหม่ๆที่อาจดีกว่า
นายวรราวุธ ต้องตอบให้ชัด ประเด็นร้อนๆที่กำลังฮือฮาในกรมอุทยานฯถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะวันอังคารที่ 9 ก.พ.2564 ครม.มิได้หยิบยกเรื่องนี้เข้ามาหารือ
จำเป็นที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องใช้ความสุขขุมรอบครอบ สอบถามผู้เกี่ยวข้องให้ชัดเจน กระจ่างทุกมุมเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีการแอบอ้างใดหรือไม่ มีเหตุผิดปกติใดหรือไม่ มีเรื่องของอย่างว่าผ่านเลขา ซอ โซ่ จริงหรือเปล่า อย่าให้พลาดท่าเหมือนกรณีหลงจู๊!!!???