MGR Online - ผบ.ตร.เผย คดี “น้องชมพู่” ยังไม่ถึงบทสรุป ต้องสอบเพิ่มเติมบางประเด็น ไม่ชัดแจ้งข้อหาอะไรกับผู้ต้องหา
วันนี้ (10 ก.พ.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงคดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังมีกระแสข่าวว่าใกล้จะได้บทสรุป ว่า ยังไม่กำหนดว่าจะทำอะไรวันไหน แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มี การชี้แจงเป็นเรื่องของตำรวจก็จะทำเท่าที่ทำได้ อะไรเล่าได้ก็เล่า แต่หากทำแล้วเสียหายก็เล่าไม่ได้ เพราะการจับกุมใครสักคน หลักการคือต้องแจ้งข้อเท็จจริงว่าเขาทำผิดอย่างไร สิ่งที่แจ้งต่อตัวผู้ต้องหา อาจจะพิจารณาออกสื่อได้ว่าเรากล่าวหาเขาอย่างไร แต่เหตุผลที่มาสนับสนุนการกระทำของผู้ก่อเหตุอาจจะบอกไม่ได้ทั้งหมด ส่วนจะเข้าข่ายการฆ่าโดยเจตนาหรือไม่นั้น การแจ้งข้อหาจะต้องมีการลงมติกันในรูปของคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งตอนนี้มีหลายประเด็น ที่เห็นว่าควรจะต้องมีการสอบเพิ่มเติม และต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง
“หากจะมีใครสักคนพาเด็กทั้งที่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่เอาขึ้นไปในจุดตรงนั้น และสามารถเล็งเห็นว่า เสียชีวิตแน่ ท่านคิดว่าจะโดนข้อหาอะไร ซึ่งแต่ละคนมีความเห็นอย่างไรก็ได้ แต่ทางคณะพนักงานสอบสวนก็จะมีพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาอะไร โดยส่วนตัวยังไม่ขอยืนยันคำตอบ เพราะยังคงหารือกันอยู่ ขอยังไม่พูดตอนนี้ ขอให้มีคำตอบแบบทางการก่อน เพราะเกรงจะเสียหายต่อรูปคดี” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และทนายความไปร้องศาลให้คุ้มครองนั้น ถือว่าเป็นการร้อนตัวหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ปัจจุปันการสู้คดีจะสู้กัน 2 ทาง คือ สู้ในศาล กับสู้ในโซเชียลฯ ก็ต้องว่ากันไป แต่ตำรวจให้น้ำหนักกับการต่อสู้คดีในชั้นศาลมากกว่า เราก็มั่นใจถึงต้องทำ
ส่วนกรณีมีนักกฎหมายออกไปรายการทีวี และให้ความเห็นว่าไมโทคอนเดรีย ดีเอ็นเอ ไม่ใช่หลักฐานสำคัญในคดี พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ก็ต้องฟังรายละเอียดจากเขา ตนไม่ได้ฟัง แต่ได้อธิบายว่า ไมโทคอนเดรีย เป็นดีเอ็นเอ ที่สกัดโดยวิธีที่แตกต่าง จากนิวเคลียส ดีเอ็นเอ โดยจะไประบุว่าเป็นของใคร คงบอกไม่ได้แน่ชัด แต่หลักฐานทุกชิ้นก็สำคัญหมด เพราะต้องนำหลายๆ อย่างมาประกอบกัน ไม่ได้ใช้หลักฐานเพียงชิ้นเดียว ทั้งนี้ คดียังเหลือที่ต้องสอบเพิ่มอีกเล็กน้อย แต่ประเด็นที่สอบเพิ่มเติมยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยจะมีการสรุปกันอีกที ไม่มีกำหนดว่าวันไหน