อัยการสั่งฟ้อง “เพนกวิน-อานนท์-หมอลำแบงค์-สมยศ” ข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ม.112 ล่าสุดทนายยื่นประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาต เกรงจะไปก่อเหตุซ้ำอีก เจ้าหน้าราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เมื่อเวลา 13.50 น. วันนี้ (9 ก.พ.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวชี้แจงการสั่งคดีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องหาที่ 1-4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ว่า คดีมี 2 สำนวน เรื่องแรก (คดีชุมนุมม็อบเฟส 14 พ.ย. 63) มีผู้ต้องหารายเดียว คือ นายพริษฐ์ ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112, ยุยงปลุกปั่นฯ ตาม ป.อาญา ม.116 และชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 ได้มีคำสั่งฟ้องทั้ง 3 ข้อหา
นายประยุทธกล่าวต่อไปว่า อีกสำนวน (คดีชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์-สนามหลวง) กล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสี่ ในข้อหาตาม ม.112, ม.116, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ตามป.อาญา ม.215, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กีดขวางทางสาธารณะฯ, ร่วมกันกีดขวางการจราจรฯ, ตั้งวางวัตถุบนถนนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฯ, ทำลายโบราณสถานฯ, ทำให้เสียทรัพย์ฯ และร่วมกันโฆษณาเครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ รวม 11 ข้อหา พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ทุกข้อหา
ส่วนที่ทางผู้ต้องหายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมนั้น นายประยุทธกล่าวว่า พนักงานอัยการพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า พยานที่จะให้สอบเพิ่มเติมไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความเห็นและคำสั่ง เนื่องจากในสำนวนมีพยานหลักฐานทำนองเดียวกันเพียงพออยู่แล้ว ไม่ดำเนินการตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรม หลังจากนี้ทางพนักงานอัยการจะนำผู้ต้องหาทั้งสี่ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา
ทั้งนี้ ภายหลังการให้ข่าวของนายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดนั้น นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ซึ่งเดินเข้ามาฟังการแถลงด้วย ได้ถามกลับนายประยุทธ ย้ำถึงประเด็นตามหนังสือขอความเป็นธรรมว่าหลักสิทธิเสรีภาพได้รับการคุ้มครองตามมาตรฐานสากล นายประยุทธชี้แจงว่า ส่วนของงานโฆษกเป็นการนำผลการสั่งของพนักงานอัยการมาเรียนต่อสื่อมวลชน ส่วนในสำนวนนั้นงานโฆษกไม่สามารถอธิบายได้ เพราะไม่ได้รับผิดชอบสำนวน และไม่แน่ใจว่าเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลหรือไม่
ขณะที่นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ส่งผลต่อมาตรฐานสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ต้องชี้แจงบรรทัดฐานการดำเนินงานขององค์กรอัยการเป็นอย่างไร คดีนี้คือคดีการเมือง กระบวนการยุติธรรมสามารถปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้มากน้อยขนาดไหน ส่วนนายประยุทธตอบว่า ตาม ป.วิ อาญา มีหลักสันนิษฐานคนที่อัยการฟ้องเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิด และให้อัยการพิจารณาถ้าพยานหลักฐานพอฟ้องก็ฟ้อง ประเด็นที่พูดสามารถต่อสู้ในชั้นศาลได้ ปิดท้ายนายพริษฐ์จึงกล่าวถึงพยานที่ให้สอบเพิ่มจะพูดเรื่องสิทธิเสรีภาพประชาชน พร้อมกล่าวโจมตีว่าองค์กรอัยการไม่เห็นความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออก
สำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการคดีอาญา 7 ได้นำนายพริษฐ์ หรือเพนกวินกับพวกรวม4 คนมายื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล โดยยื่นฟ้องรวม 2 สำนวน คือ คดีหมายเลขดำ อ.286/2564 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์ เป็นจำเลยเพียงคนเดียว กรณีระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย.2563 นายพริษฐ์ ซึ่งเป็นแกนนำจัดให้มีการชุมนุมสาธารณะบริเวณเวทีคอกวัว โดยยุยงผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 5,000 คน ให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน ดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ ราชินี และองค์รัชทายาท ตาม ม.112
ส่วนอีกสำนวนเป็นคดีหมายเลขดำ อ.287/2546 พนักงานอัยการคดีอาญา 7 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์กับพวกรวม 4 คนเป็นจำเลย กรณีเมื่อระหว่างวันที่19-20 ก.ย.2563 พวกจำเลยซึ่งเป็นแกนนำ จัดให้มีการชุมนุมบริเวณม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนาม โดยมีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 20,000 คน เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก ขอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ต่อมาศาลได้สอบคำให้การพวกจำเลยแล้วปรากฏว่า พวกจำเลยแถลงให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี
ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย โดยคดีดำอ.286/2564 นัดวันที่15 มี.ค.เวลา 09.00 น.และคดีดำอ.287/2564 วันที่ 15 มี.ค.2563 เวลา 13.30 น.
ขณะที่ทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด ขอปล่อยชั่วคราว แกนนำทั้ง 4 คน
ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำซ้ำๆ ต่างกรรมต่างวาระตามข้อหาเดิมหลายครั้งหลายครา กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวพวกจำเลยจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีก ในชั้นนี้จึงไม่อนญาตให้ปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง
ต่อมาเวลา 18.40 น.เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้นำตัวทั้ง 4 คนไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยระหว่างเดินไปขึ้นรถบัสของ นายอานนท์ได้เปลี่ยนเป็นใส่เสื้อยืด-กางเกงสีขาว ส่วนนายพริษฐ์ยังอยู่ในชุดเดิมเสื้อเชิ้ตสีแดง กางเกงยีนส์ ซึ่งมีสีหน้านิ่งเฉย พร้อมกับบางคนชู 3 นิ้วให้สื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่รอผลพิจารณาการปล่อยชั่วคราว นายพริษฐ์กับพวกได้มีมวลชนมาให้กำลังใจ บริเวณประตูรั้วศาลอาญา โดยมีการน้ำหม้อมาตีพร้อมตะโกนปล่อยเพื่อนเรา
สำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการคดีอาญา 7 ได้นำนายพริษฐ์ หรือเพนกวินกับพวกรวม4 คนมายื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล โดยยื่นฟ้องรวม 2 สำนวน คือ คดีหมายเลขดำ อ.286/2564 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์ เป็นจำเลยเพียงคนเดียว กรณีระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย.2563 นายพริษฐ์ ซึ่งเป็นแกนนำจัดให้มีการชุมนุมสาธารณะบริเวณเวทีคอกวัว โดยยุยงผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 5,000 คน ให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน ดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ ราชินี และองค์รัชทายาท ตาม ม.112
ส่วนอีกสำนวนเป็นคดีหมายเลขดำอ.287/2546 พนักงานอัยการคดีอาญา 7 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์กับพวกรวม 4 คนเป็นจำเลย กรณีเมื่อระหว่างวันที่19-20 ก.ย.2563 พวกจำเลยซึ่งเป็นแกนนำ จัดให้มีการชุมนุมบริเวณม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนาม โดยมีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 20,000 คน เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก ขอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ต่อมาศาลได้สอบคำให้การพวกจำเลยแล้วปรากฏว่า พวกจำเลยแถลงให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี
ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานคู่ความทั้ง2ฝ่าย โดยคดีดำอ.286/2564 นัดวันที่15 มี.ค.เวลา 09.00 น.และคดีดำอ.287/2564 วันที่ 15 มี.ค. เวลา 13.30 น.
ขณะที่ทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด ขอปล่อยชั่วคราว แกนนำทั้ง 4 คน
ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำซ้ำๆ ต่างกรรมต่างวาระตามข้อหาเดิมหลายครั้งหลายครา กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวพวกจำเลยจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีก ในชั้นนี้จึงไม่อนญาตให้ปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้นำตัวทั้ง 4 คนไแคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร