MGR Online - กองปราบปรามตามรวบอดีต ตชด.หนีคดีจ้างวานฆ่าหัวหน้าโรงงานยางสะเดา แค้นถูกผู้ตายสั่งห้ามเข้าไปปล่อยยา-เงินกู้ในโรงงาน รับที่ต้องหนีเพราะไม่อยากคิดคุกตอนแก่
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. ร่วมแถลงผลจับกุม นายน้อย สัจจมาตย์ อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 154/2563 ลงวันที่ 26 มิ.ย. 63 ข้อหา “ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ” ได้ที่ขนำไม่มีเลขที่ในสวน ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง
พ.ต.อ.พงศ์ปณตกล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 60 เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามคาร์บินบุกยิงนายอาคม พรมโสภา อายุ 55 ปี หัวหน้าฝ่ายผลิตของบริษัท หาดใหญ่ รับเบอร์ จำกัด อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 8 นัด จนเสียชีวิตอยู่ภายในร้านขายของชำของตนเอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ พร้อมมีการขอหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 5 ราย หนึ่งในนั้นมีนายน้อยเป็นผู้จ้างวาน ปมขัดแย้งมาจากเรื่องที่นายน้อยซึ่งเป็นอดีต ตชด.อยู่ที่ อ.สะเดา แต่ถูกให้ออกจากราชการเพราะมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล มาระยะหลังนายน้อยยังเข้าไปปล่อยเงินกู้และยาเสพติดให้พนักงานในแผนกของผู้ตาย จนนายน้อยถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาในโรงงานอีก ก่อนจะกลายมาเป็นชนวนสั่งตายในที่สุด
พ.ต.อ.พงศ์ปณตกล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าที่ตำรวจภาค 9 สามารถตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุไว้ได้ทั้งหมด ศาลชั้นต้นพิพากษาสั่งจำคุกนายน้อยตลอดชีวิต ก่อนจะได้ประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ผู้ต้องหาวางหลักทรัพย์เป็นเงินประกันไว้ 1.5 ล้านบาท ปรากฏว่าเมื่อศาลนัดให้มาฟังคำพิพากษา นายน้อยกลับหลบหนี ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลัง ยืนให้จำคุกตลอดชีวิต และอนุมัติออกหมายจับด้วย กระทั่งเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา กองปราบปรามได้รับการร้องเรียนจากญาติของผู้ตายว่าขอให้ช่วยติดตามจับกุมตัวนายน้อยมารับโทษด้วย เพราะญาติของผู้ตายถูกข่มขู่ คุกคามเอาชีวิตมาโดยตลอด จึงมีการสืบสวนและตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนนายน้อยให้การยอมรับว่าเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่านายอาคมจริง ส่วนสาเหตุมาจากปมขัดแย้งกันเรื่องส่วนตัว และที่ต้องหลบหนีไม่ยอมเดินทางไปศาล เนื่องจากเกิดความเกรงกลัวความผิดและไม่อยากจะไปใช้ชีวิตในคุกเพราะอายุมากแล้ว อีกทั้งระหว่างการพิจารณาคดียังต้องขายทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อนำมาต่อสู้คดี คิดเป็นเงินหลายล้านบาท สุดท้ายเมื่อรู้ว่าไม่น่าจะหลุดคดีจึงตัดสินใจหลบหนีไปในที่สุด ภายหลังการสอบสวนจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลจังหวัดนาทวีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป