ถอนหมุดข่าว
เป็นที่ทราบกันว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ระลอกใหม่ เมื่อช่วงปลายปี 2563 มีจุดสเปรดเดอร์สำคัญอยู่ ตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร
เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่พบหญิงไทยเจ้าของแพปลาในตลาดกลางกุ้ง มหาชัย ติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่มีประวัติการเดินทางออกนอกประเทศ จากนั้นก็ได้พบผู้ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชนไทยและแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในตลาดแห่งนั้น จนพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกหลายร้อยราย ก่อนจะขยายวงกว้างไปหลายจังหวัดครึ่งค่อนประเทศ
ค่อนข้างชัดเจนว่า ต้นตอมาจากแรงงานต่างชาติชาวเมียนมา ที่ลักลอบเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย โดยไม่ได้มีการตรวจคัดกรองโรค หรือกักตัวก่อน โดยสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานต่างด้าวที่ถูกและไม่ถูกกฎหมาย ก็คับแคบแออัด พักอาศัยในบริเวณเดียวกัน บางชุมชนอาศัยกันอยู่นับแสนชีวิต ผู้ติดเชื้อจึงแพร่ระบาดเร็ว
เป็นเหตุให้ในขณะที่หลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว แต่สำหรับจังหวัดสมุทรสาคร ยังอยู่ในขั้นวิกฤต เป็นพื้นที่สีแดง ต้องควบคุมสูงสุดอยู่
นับจากวันที่ 17 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา ก็มีตัวเลขผู้ติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาครมาต่อเนื่อง จากแรกเริ่มที่ตัวเลขหลักเดียว หรือ 2 หลัก จนมีการค้นหาเชิงรุก ตัวเลขก็ทะยานขึ้น 3 หลักแทบทุกวัน
ล่าสุดของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร เพิ่ม 777 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 759 ราย เป็นคนไทย 92 ราย ต่างด้าว 667 ราย พบผู้ติดเชื้อจากการตรวจในโรงพยาบาล 18 ราย เป็นคนไทย 8 ราย ต่างด้าว 10 ราย
ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 12,907 ราย มากกว่าครึ่งของยอดรวมทั้งประเทศที่อยู่ที่ราว 21,000 รายเศษ
ขณะที่ยอดการตรวจค้นหาเชิงรุกในชุมชนที่จังหวัดสมุทรสาคร นับตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2563 ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 138,974 ราย ได้รับผลตรวจทางห้องปฏิบัติการรวมแล้ว 127,107 ราย มีผลเป็นบวก หรือพบเชื้อ รวม 11,118 ราย อีกพันกว่ารายเป็นการพบผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการตรวจในโรงพยาบาล
ที่น่าวิตกคือ การค้นหาเชิงรุกยังไม่สามารถครอบคลุม แรงงานข้ามชาติ ทั้งหมดในจังหวัดที่เชื่อว่ามีมากกว่า 400,000 คนได้ จำนวนนี้เป็นแรงงานถูกกฎหมาย มีพาสปอร์ตและลงทะเบียนถูกต้องราวครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งหรือมากกว่า 200,000 รายเป็นแรงงานที่ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย
ด้วยความที่ สมุทรสาคร หรือเมืองมหาชัยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีโรงงานมากกว่า 6,000 แห่ง จึงมีการลักลอบนำเข้าแรงงานผิดกฎหมาย หรือแรงงานเถื่อนจำนวนมาก
ในช่วงนี้ แม้ว่าโควิดระบาดยังไม่ลดลง แต่แรงงานเถื่อนจากพม่า ยังมุ่งหน้าเจ้ามาที่มหาชัยไม่ขาดสาย เพราะถ้าสามารถเข้ามาช่วงนี้ได้ก็จะได้เข้าอยู่ในไทย เป็นแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้อง ได้บัตรสีชมพูและจะได้อยู่ในไทยถูกต้องตามกฎหมายถึงปี2566 ตามมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาล
ทำให้ขบวนการขนแรงงานเถื่อนจากชายแดนพม่าเข้ามามหาชัย เฟื่องฟูขึ้นอีกรอบ หลังจากที่มีมาตรการตรวจเข้มก่อนหน้านี้ แต่การที่มีค่าตอบแทนตัวหัวสูงถึง 4-50,000 บาท จึงเป็นค่าตอบแทนที่คุ้มความเสี่ยง
ทุกวันนี้ แรงงานเถื่อนหน้าใหม่ ยังทะลักเข้ามาที่มหาชัยไม่เว้นแต่ละวัน แต่หลังจากเกิดเหตุรัฐประหารในเมียนมา ก็มีการคาดการณ์ว่า แรงงานเมียนมาที่ลักลอบเข้าเมือง โดยผ่านการขนถ่ายของขบวนการค้าแรงงานเถื่อน จะยิ่งอพยพเข้ามามากขึ้น
รัฐบาลไทยเตรียมการรับมือกับปัญหานี้ไว้บ้างหรือยัง ที่จะกลับมาเอาจริงเอาจังจัดการขบวนการขนแรงงานเถื่อนเข้าเมือง หลังจากที่เข้มงวดแข็งขันได้พักเดียว ก็เงียบไป กลับมาเหมือนเดิม กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง ปล่อยให้พวกเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม กลับมาทำมาหากินกับการขนแรงงานเถื่อนอีก เพราะมีเงินก้อนใหญ่ล่อใจ
เชื้อโรคยังไม่มีทีท่าจะซ่าลง หากปล่อยให้แรงงานเถื่อนทะลักเข้ามาอีก แล้วเมื่อไหร่ประเทศจึงจะรอดพ้นจากโรคระบาด