ยธ.ตั้งเป้าไตรมาสแรกปี 2564 เปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชน 540 แห่งใน กทม.ลดภาระค่าทนาย ค่าเดินทาง ลดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
วันนี้( 29 ม.ค.)เมื่อเวลา 14.30 น. ดร.โฆษิต สุวินิจจิต ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม และ นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน เขตบางกอกน้อย ณ บ้านหลวงวิเศษสาครฤทธิ์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 22 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.โดยมี รศ.(พิเศษ) ดร.สุชานี แสงสุวรรณ ประธานศูนย์ฯ นำคณะผู้ไกล่เกลี่ย เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต ข้าราชการตำรวจ สน.บางกอกน้อย และชาวบ้านที่เดินทางมารับฟังการอบรมความรู้ด้านกฎหมายตาม พ.ร.บ.ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562 ให้การต้อนรับโดยปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่าง วัดไข้ และใช้เจลล้างมือแอลกอฮอล์ เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ดร.โฆษิต กล่าวว่า เมื่อช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้มอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทยด้วยการวางนโยบายจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งเป้าไว้จะตั้งศูนย์ฯ ให้ได้ครบ ทั้ง 50 เขต ภายในปี 2564 ขณะนี้มีการจัดตั้งศูนย์ฯ อย่างเป็นทางการไปแล้ว 61 แห่ง ส่วนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน เขตบางกอกน้อย นั้นถือเป็นศูนย์ต้นแบบที่มีความพร้อมเป็นแบบอย่างของการ ดำเนินการอบรมผู้ไกล่เกลี่ย อบรมประชาชนให้รู้หน้าที่ ให้รู้สิทธิ รู้กฎหมาย มีสถานที่ไกล่เกลี่ยที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นแบบอย่างให้ศูนย์อื่นๆ ทั่วประเทศมาศึกษาดูงานต่อไป
ดร.โฆษิต กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ภายในกรุงเทพมหานครให้ได้ครบทั้ง 50 เขต ภายในไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งเป้าหมายนั้นจะจัดตั้งให้ครอบคลุมถึง 180 แขวง แขวงละ 3 แห่ง รวมแล้ว 540 ศูนย์ เพื่อเป็นแบบแผนให้แก่จังหวัดอื่นๆ เนื่องจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีคดีความค่อนข้างมาก โดยศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน นั้นจะเสมือนเป็นสาขาของกระทรวงยุติธรรม เป็นศูนย์ประสานงานของอาสาสมัครยุติธรรม ช่วยเหลือด้านกฎหมาย ให้คำปรึกษา ไกล่เกลี่ย และแนะนำแนวทางการรับความเยียวยาให้แก่ประชาชนในทุกพื้นที่ด้วยความยุติธรรม
ด้าน นายเขมภณ ฉัตรวิทยา ผู้ไกล่เกลี่ยประจำศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน เขตบางกอกน้อย ให้ข้อมูลว่า การจัดตั้งศูนย์ฯ ประจำเขตขึ้นนั้น ก็เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทาง ค่าใช้จ่ายการจ้างทนายความ ให้แก่คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าคดีจะเกิดขึ้นที่ใดในประเทศไทย ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ทุกศูนย์ฯ ที่สำคัญผู้ไกล่เกลี่ยประจำศูนย์ฯ แต่ละแห่งนั้นดำเนินการให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากเป็นการลดภาระให้แก่ชาวบ้านแล้ว ยังเป็นการลดปริมาณความแออัดของบุคคลที่จะต้องเดินทางไปรวมตัวกันที่ศาล ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการแพร่กระจายของเชื้อโรคไวรัส โควิด-19 ด้วย
ทั้งนี้หากประชาชนท่านใดต้องการใช้บริการ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตาม พ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562 นั้นขอให้ศึกษาประเภทข้อพิพาทที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ ดังนี้ สำหรับข้อพิพาทคดีทางแพ่งได้แก่ 1.ข้อพิพาทที่ดินที่ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ 2.ข้อพิพาทระหว่างทายาทเกี่ยวกับทรัพย์มรดก 3.ข้อพิพาทอื่นที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5 แสนบาท ส่วนข้อพิพาทคดีทางอาญา ได้แก่ 1.ความผิดอันยอมความได้ และ 2.ความผิดลหุโทษมาตรา 390-395 และมาตรา 397 โดยเมื่อคู่กรณีได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะมีหนังสือรับรองจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเพื่อให้ข้อตกลงระงับข้อพิพาทนั้นบังคับกันได้ หรือให้นำสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม พ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562
