หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นำเจ้าหน้าที่ปฏิญาณตนเจ้าพ่อเขาใหญ่“ลั่น”จะปกป้องมรดกโลกด้วยชีวิตหากมีใครทุจริตขอให้มีอันเป็นไป ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สมาชิกสวัสดิการฯ พากันบ่นปีนี้รับเงินปันผลต่ำสุดคาดมาจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สูญเสียรายได้ กับปัญหาระดับบริหารบางคนนำเงินบริจาคเจ้าพ่อไปหมุนจนขาดสภาพคล่อง สูงถึง 1.7 ล้าน วอนผู้บังคับบัญชาตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขด่วน
พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อเขาใหญ่เมื่อตอนสายวันนี้ (26 ม.ค.2564) มีรายงานว่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิวงศานุยุต หัวหน้าอุทยานฯได้นำเจ้าหน้าที่ประประมาณ 50 นาย พร้อมกลุ่มอนุรักษ์และประชาชนร่วมพิธีโดยมีเครื่องเซ่นไหว้เป็นหัวหมู เป็ด ไก่ต้มอย่างละ 5 ชุดพร้อมดอกไม้พวงมาลัยมีการตรวจอุณหภูมิเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจุดธูปไหว้เจ้าพ่อนายอดิศักดิ์ ได้นำเจ้าหน้าที่กล่าวคำปฏิญาณตนโดยสรุปว่าจะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติบนเขาใหญ่อย่างสุดความสามารถ เต็มสติกำลังหากมี่เจ้าหน้าที่คนใดกระทำทุจริต บริโภคเนื้อสัตว์ขอให้มีอันเป็นไปแต่ถ้าปฏิบัติดีด้วยความซื่อสัตย์สุจริตก็ขอให้มีแต่ความเจริญ รายงานข่าวแจ้งว่านายอดิศักดิ์ กล่าวนำด้วยเสียงหนักแน่น สั่นเครือทั้งนี้อาจเป็นเพราะกระแสความกดดันจากเหตุร้าย 2 ครั้งซ้อน ที่เกิดขึ้นในช่วงปีใหม่บนเขาใหญ่คือกรณีพลายดื้อทำร้ายนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต กับอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวตกผาเดียวดายรวม 2 ศพ
สำหรับประวัติความเป็นมาของเจ้าพ่อเขาใหญ่นั้นมีประวัติเรื่องเล่ากันมาว่าเดิมชื่อศาลปลัดจ่าง ตั้งอยู่ในป่าแถบวังหนองงูเหลือม จ.นครนายก ต่อมายุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีโครงการตัดถนนสายหลักด้าน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อเชื่อมต่อในพื้นที่ 3 จังหวัดจึงทำพิธีอัญเชิงดวงวิญญาณปลัดจ่างไปประดิษฐาน ณ ศาลใหม่คือริมถนนธนะรัชต์ กม.23 ใกล้ด่านเก็บค่าธรรมเนียมในปัจจุบัน ส่วนประวัติของปลัดจ่างนั้นชื่อเต็มคือนายจ่าง นิสัยสัตย์ พื้นเพอยู่ จ.นครนายก รับราชการสังกัดกองทัพไทย มีอุปนิสัยเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ รักธรรมชาติต่อมามีลูกน้องหลบหนีคดีขึ้นไปบนเขาใหญ่ แล้วบุกป่าถางดง เพื่อสร้างที่ทำกินกับมีพฤติกรรมรังแกชาวบ้านปลัดจ่างทราบ เรื่องรู้สึกเสียใจจึงขอร้องให้หยุดประพฤติชั่วแต่ลูกน้องซึ่งรวมพรรคพวกเป็นกลุ่มโจรราว 5 คน กำเริบไม่ยอมเชื่อฟังปลัดจ่าง จึงบุกขึ้นไปเกิดการปะทะจับตาย 5 โจรทั้งหมด วีรกรรมความกล้าหาญจึงเป็นที่กล่าวขานของชาวบ้าน ต่อมาเมื่อปลัดจ่างเข้าสู่วัยชราเกิดล้มป่วยเป็นไข้ป่าและเสียชีวิตเมื่ออายุ 75 ปี ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างศาลเพียงตาขึ้นบริเวณใต้ต้นเบา เขตวังหนองงูเหลือมกระทั่งมีการตัดถนนในสมัยจอมพลสฤษดิ์ จึงมีการย้ายศาลดังกล่าว
แหล่งข่าวรายหนึ่ง(ขอสงวนนาม)ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มาเป็นนานนับ 10 ปี เล่าถึงตำนานพิธีเซ่นไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ ที่ทำกันมาต่อเนื่องถึง 40 ปี ก่อนถูกประกาศยกเลิกว่าหลังเกิดเหตุการณ์ 2 ศพทำให้บรรยากาศบนเขาใหญ่ตึงเครียดมากโดยเฉพาะปัญหาพลายดื้อ ซึ่งคนที่อยู่กับป่าเชื่อกันว่าเมื่อช้างได้ฆ่าคนแล้วก็จะลงมืออีก กลุ่มที่ระวังตัวมากที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่กับครอบครัว ยิ่งยามค่ำคืนตอนนี้ไม่มี่ใครกล้าออกไปไหนเว้นแต่พวกมีหน้าที่เข้าเวรยามจริงๆ
“ในอดีตมีหัวหน้าอุทยานเขาใหญ่คนหนึ่ง ท่านเป็นคนที่เชื่อในสิ่งลี้ลับ ทุกวันที่ 26 ม.ค.อันเป็นวันบวงสรวงเจ้าพ่อเขาใหญ่จะเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ 2 ชุด คือชุดแรกเป็นหัวหมู เป็ด ไก่ ที่ปั้นจากแป้งให้เหมือนของจริง เครื่องดื่มเป็นน้ำแดง น้ำเขียว ชุดที่สองเป็นหัวหมู เป็ด ไก่จริง เครื่องดื่มเป็นเหล้าขาวและเหล้าแดง เหตุผลคือชุดแรกสำหรับเจ้าพ่อเขาใหญ่ ชุดที่สองเป็นของบริเวรของเจ้าพ่อ หลังจากพิธีผ่านไปแล้วตกดึกหัวหน้าฯ จะแอบลงมาเพียงคนเดียวเพื่อสารภาพบาป หรือปรับทุกข์กับเจ้าพ่อเขาใหญ่ เช่นได้ทำอะไรผิดไป แต่ทำไมต้องทำ ทำเพราะมีแรงกดดันจากผู้ใหญ่สั่งมาเป็นต้น ปรากฏว่าข้าราชการท่านนี้สามารถทำงานอยู่บนเขาใหญ่อย่างมีความสุข อาจจะมีปัญหาบ้างแต่ก็ผ่านมาได้นานหลายๆ ปี”
รายงานแจ้งว่าวันเดียวกันนี้ฝ่ายสวัสดิการอุทยานเขาใหญ่ จะแจกเงินปันผลในแต่ละปีซึ่งที่ผ่านมาๆเฉลี่ยเจ้าหน้าที่สมาชิกจะได้เงินรายละ 1.5 หมื่นบาท หรือ1.2 หมื่นบาท แต่ครั้งนี้ได้ส่วนแบ่งเฉลี่ยกันเพียง 6 พันบาททั้งนี้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมาจากเหตุผลสองเรื่องคือจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเพราะปัญหาโควิด-19 กับกรณีมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนนำเงินบริจาคเจ้าพ่อเขาใหญ่ไปหมุนซึ่งเป็นปัญหาคาราคาซังมาหลายปีแล้ว รวมยอดทั้งสิ้นประมาณ 1.7 ล้านบาทจึงอยากให้มีการตรวจสอบและดำเนินการอย่างจริงจังเสียที