xs
xsm
sm
md
lg

“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”ประกาศิตอาถรรพณ์เจ้าพ่อเขาใหญ่ ”ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



เผยบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวยังคงปกคลุมทั่วอุทยานเขาใหญ่ หวั่นพลายดื้อตามซ้ำเพราะเคยฆ่ามนุษย์ กับยังเจอปมสุดพิลึกเอาเงินบริจาคเจ้าพ่อไปหมุนใช้นับล้านบาท กลายเป็นประเด็นช้างตายทั้งตัวใบบัวปิดไม่มิด เผยเจ้าหน้าที่ในฐานะบริวารเจ้าพ่อเคยรับคนละ 1.2 หมื่นเป็นประเพณีทุกๆปีแต่เที่ยวนี้ส่ออาจเกิดปัญหา

เจ้าพ่อเขาใหญ่ กลายเป็นเรื่องราวที่กำลังได้รับความสนใจ ทั้งนี้จากเหตุร้ายแรงในรอบ 7 วันมีผู้สังเวยด้วยชีวิตในลักษณะตายผิดธรรมชาติถึง 2 รายคือลุงประโยชน์ ชิตติบุญ อายุ 80 ปีเหยื่อพลายดื้อถูกบุกถึงเต็นท์ขณะนอนหลับพักผ่อนอยู่ลานผากล้วยไม้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใช้งวงจับตัวฟาดกับต้นไม้ เหตุเกิดกลางดึกคืนวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมากับรายล่าสุดคือการตายของนายทัชพงศ์ พงศ์มี อายุ 27 ปีหนุ่ม อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เสียชีวิตจากการพลัดตกลงที่ผาเดียวดาย คาดว่าเหตุเกิดประมาณ 2-3 วันแล้วแต่เพิ่งมาพบศพเมื่อตอนสายของวันที่ 21 ม.ค.จนถึงบัดนี้ยังไม่ระบุชัดเจนว่ามาจากอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม

2 ศพติดต่อกันนับเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงทำให้เกิดมุมมองในเรื่องอาถรรพณ์เข้ามาด้วยโดยมีเหตุจูงใจมาจากคำสั่งยกเลิกจัดพิธีเซ่นไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ซึ่งจะถึงในวันที่ 26 ม.ค.นี้นายอดิศักดิ์ ภูสิทธิวงศานุยุต หัวหน้าอุทยานฯคนใหม่มีคำสั่งยกเลิกพิธีพราหมณ์ และสงฆ์แต่จะเป็นการบวงสรวงแบบเล็กๆในกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คำสั่งดังกล่าวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้มีหนังสือเวียนแจกจ่ายไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดกระทั่งเกิดเหตุการณ์พลายดื้อทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิตประเด็นเรื่องอาถรรพณ์ถูกหยิบขึ้นมาพูดก่อนจะกลายเป็นไฟลามทุ่งเมื่อเกิดศพที่ 2 สร้างบรรยากาศสะพรึงกลังปกคลุมไปทั่วอุทยานเขาใหญ่

สำหรับประวัติความเป็นมาของเจ้าพ่อเขาใหญ่นั้นมีประวัติเรื่องเล่ากันมาว่าเดิมชื่อศาลปลัดจ่าง ตั้งอยู่ในป่าแถบวังหนองงูเหลือม จ.นครนายก ต่อมายุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีโครงการตัดถนนสายหลักด้าน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อเชื่อมต่อในพื้นที่ 3 จังหวัดจึงทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณปลัดจ่างไปประดิษฐาน ณ ศาลใหม่คือริมถนนธนะรัชต์ กม.23 ใกล้ด่านเก็บค่าธรรมเนียมในปัจจุบัน ส่วนประวัติของปลัดจ่างนั้นชื่อเต็มคือนายจ่าง นิสัยสัตย์ พื้นเพอยู่ จ.นครนายก รับราชการสังกัดกองทัพไทย มีอุปนิสัยเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ รักธรรมชาติต่อมามีลูกน้องหลบหนีคดีขึ้นไปบนเขาใหญ่ แล้วบุกป่าถางดงเพื่อสร้างที่ทำกินกับมีพฤติกรรมรังแกชาวบ้านปลัดจ่างทราบ เรื่องรู้สึกเสียใจจึงขอร้องให้หยุดประพฤติชั่วแต่ลุกน้องซึ่งรวมพรรคพวกเป็นกลุ่มโจรราว 5 คน กำเริบไม่ยอมเชื่อฟังปลัดจ่าง จึงบุกขึ้นไปเกิดการปะทะจับตาย 5 โจรทั้งหมด วีรกรรมความกล้าหาญจึงเป็นที่กล่าวขานของชาวบ้านต่อมาเมื่อปลัดจ่างเข้าสู่วัยชราเกิดล้มป่วยเป็นไข้ป่าและเสียชีวิตเมื่ออายุ 75 ปีชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างศาลเพียงตาขึ้นบริเวณใต้ต้นเบา เขตวังหนองงูเหลือมกระทั่งมีการตัดถนนในสมัยจอมพลสฤษดิ์ จึงมีการย้ายศาลดังกล่าว

แหล่งข่าวรายหนึ่ง(ขอสงวนนาม)ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มาเป็นนานนับ 10 ปีเล่าถึงตำนานพิธีเซ่นไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ ที่ทำกันมาต่อเนื่องถึง 40 ปีก่อนถูกประกาศยกเลิกว่าหลังเกิดเหตุการณ์ 2 ศพทำให้บรรยากาศบนเขาใหญ่ตึงเครียดมากโดยเฉพาะปัญหาพลายดื้อ ซึ่งคนที่อยู่กับป่าเชื่อกันว่าเมื่อช้างได้ฆ่าคนแล้วก็จะลงมืออีก กลุ่มที่ระวังตัวมากที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่กับครอบครัว ยิ่งยามค่ำคืนตอนนี้ไม่มี่ใครกล้าออกไปไหนเว้นแต่พวกมีหน้าที่เข้าเวรยามจริงๆ

“ในอดีตมีหัวหน้าอุทยานเขาใหญ่คนหนึ่ง ท่านเป็นคนที่เชื่อในสิ่งลี้ลับ ทุกวันที่ 26 ม.ค.อันเป็นวันบวงสรวงเจ้าพ่อเขาใหญ่จะเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ 2 ชุดคือชุดแรกเป็นหัวหมู เป็ด ไก่ ที่ปั้นจากแป้งให้เหมือนของจริง เครื่องดื่มเป็นน้ำแดง น้ำเขียว ชุดที่สองเป็นหัวหมู เป็ด ไก่จริง เครื่องดื่มเป็นเหล้าขาวและเหล้าแดง เหตุผลคือชุดแรกสำหรับเจ้าพ่อเขาใหญ่ ชุดที่สองเป็นของบริเวรของเจ้าพ่อ หลังจากพิธีผ่านไปแล้วตกดึกหัวหน้าฯจะแอบลงมาเพียงคนเดียวเพื่อสารภาพบาป หรือปรับทุกข์กับเจ้าพ่อเขาใหญ่ เช่นได้ทำอะไรผิดไป แต่ทำไมต้องทำ ทำเพราะมีแรงกดดันจากผู้ใหญ่สั่งมาเป็นต้น ปรากฏว่าข้าราชการท่านนี้สามารถทำงานอยู่บนเขาใหญ่อย่างมีความสุข อาจจะมีปัญหาบ้างแต่ก็ผ่านมาได้นานหลายๆปี”

แหล่งข่าวรายเดียวกันยังเปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลในส่วนของเงินบริจาคด้วยว่า ที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่จะมีตู้บริจาคให้นักท่องเที่ยวหรือผู้มีความศรัทธาในเจ้าพ่อเขาใหญ่บริจาคเงินเพื่อใช้ในกิจการอุทยานเขาใหญ่ ปกติจะมีกรรมการดูแล ภายในเวลา 1 เดือนจะนำเงินมานับ 1 ครั้งซึ่งในแต่ละครั้งจะได้ประมาณ 4-5 แสนบาท เงินดังกล่าวแบ่งเข้ากรมอุทยานฯจำนวนหนึ่งส่วนที่เหลือเป็นรายได้ของอุทยานเขาใหญ่ทั้งหมดแต่ปรากฏว่ามีการนำเงินดังกล่าวไปหมุนนับล้านบาทแล้วคืนไม่ทัน เมื่อระดับบริหารทวงถามก็ผัดผ่อนไปเรื่อยๆ


“ใกล้กำหนดวันทำพิธีคือ 26 ม.ค.นี้เจ้าหน้าที่ทุกคนบนเขาใหญ่ซึ่งมีด้วยกันประมาณ 400 คน จะได้รับเงินก้นถุงจากเงินบริจาคตกคนละ 1.2 หมื่นบาท แต่ปีนี้ไม่ทราบว่าจะได้เช่นทุกปีหรือเปล่า เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นก็อาจจะมาจากการทำผิดเอาเงินจากการบริจาคไปใช้นอกระบบก็เป็นได้ เป็นเรื่องที่ทุกคนบนเขาใหญ่ทราบดีแต่ไม่มีใครกล้าพูด”


กำลังโหลดความคิดเห็น