xs
xsm
sm
md
lg

ส่ง “อภิรักษ์” เข้าคุกชั้นสอบสวน ดีเอสไอฝากขังไร้ญาติมาประกันตัว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ดีเอสไอฝากขังอภิรักษ์ โกฎธิ” ผู้บริหารแชร์ลูกโซ่ Forex 3D ฉ้อโกงประชาชน หลอกเหยื่อลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เสียหาย 1,900 กว่าล้านบาท พร้อมคัดค้านประกัน ระบุอัตราโทษสูง มูลค่าความเสียหายเยอะ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (16 ม.ค.) นายพรชัย จิตบุญ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้นำตัวนายอภิรักษ์ โกฎธิ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ Forex 3D อยู่บ้านเลขที่ 63/125 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญา (รัชดาภิเษก) ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ นายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท อาร์เอ็มเอส แฟมิเลี่ย จำกัด ที่นายอภิรักษ์ได้ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงทุนโดยอ้างว่าจะนำเงินไปซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60-80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการนำไปลงทุนเทรดค่าเงินโดยมีการโฆษณาชักชวนผ่านทางเว็บไซต์ www.forex-3d.com อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพเป็นผู้เทรดให้แก่ผู้ลงทุน โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการเทรดเงิน บริษัท อาร์เอ็มเอสฯ จะเป็นผู้ทำการเทรดให้ เพียงแค่นักลงทุนฝากเงินเข้ามาก็สามารถที่จะรอรับเงินปันผลได้เลย โดยที่มีการประกันเงินต้น 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีการขาดทุน ใช้เงินเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท โดยระบบนี้นักลงทุนจะมีระดับการลงทุน หรือรูปแบบการลงทุน ขึ้นกับจำนวนเงินลงทุนและระยะเวลาที่ลงทุนกับบริษัท อาร์เอ็มเอสฯ แบ่งเป็น 5 รูปแบบ คือ

1. Class Bronze ส่วนแบ่งกำไร 60 : 40 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 20 วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ $2,000
2. Class Siver ส่วนแบ่งกำไร 65 : 35 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 15 วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ $7,500
3. Class Gold ส่วนแบ่งกำไร 70 : 30 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 10 วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ $20,000 อายุบัญชีการลงทุนมากกว่า 2 ปี
4. Class Platinum ส่วนแบ่งกำไร 75 : 25 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 5 วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ
30,000 อายุบัญชีการลงทุนมากกว่า 3 ปี
5. Class Diamond ส่วนแบ่งกำไร 80 : 20 (ผู้ลงทุน : บริษัท) คำสั่งถอน 1 วัน/ครั้ง ทุนขั้นต่ำ 40,000 อายุบัญชีการลงทุนมากกว่า 5 ปี

โดยมีสัญญาว่าต้องลงทุนนาน 3 เดือน จึงจะสามารถถอนเงินทุนออกมาได้ทั้งหมด โดยเมื่อผู้ลงทุนโอนเงินลงทุนไปยังบริษัทฯ แล้วทางบริษัทฯ จะอ้างว่าเงินของผู้ลงทุนไป เทรดค่าเงินสกุลต่างประเทศให้ ขณะที่ผู้ลงทุนจะถอนเงินกำไรออกมาได้หลังจากบริษัทฯ เปิดเทรดแล้วมีกำไรในพอร์ตลงทุนมากกว่า 5-8 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นไปจึงจะสามารถอนกำไรออกมาได้ นอกจากนี้ผู้ลงทุนยังจะได้รับค่าแนะนำหรือ IB Partner ผู้แนะนำคนอื่นมาลงทุนโดยการส่งลิงค์ต่อให้ เมื่อผู้ลงทุนรายใหม่จ่ายเงินลงทุนและได้กำไร ผู้ชักชวนจะได้รับเงินคำแนะนำประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของเงินกำไร ในการจ่ายเงินลงทุนต้องโอนเงินลงทุนเข้าบัญชี บริษัท มี ดี เพย์ จำกัด ที่มีนายอภิรักษ์ ผู้ต้องหาเป็นกรรมการ ซึ่งเป็นบัญชีของธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี บริษัท มี ดี เพย์ จำกัด เลขที่บัญชี 023-8-34662-2

มีลักษณะเป็นการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวง ดังนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม และมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินโดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจะพึงจ่ายได้ เป็นการนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่าย หมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน โดยการหลอกลวงดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียหาย จำนวน 8,436 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,908,113,421.92 บาท

ต่อมาพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ นายอภิรักษ์ ผู้ต้องหานี้ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 393/ 2563 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2563 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่จะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" เป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4 ,12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก, พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2552 มาตรา 3,4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

กระทั่งเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2564 เวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถติดตามจับกุมนายอภิรักษ์ ผู้ต้องหาได้ที่คอนโดมิเนียมหรู (ห้องพัก 3701 ย่านทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.โดยผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อนจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีตามกฎหมาย

เหตุเกิดที่บริษัท อาร์เอ็มเอส แฟมิเลี่ย จำกัด เลขที่ 89 ตีกเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ชั้นที่ 20 ห้องเลขที่ 2028 ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กทม. และท้องที่ต่างๆ เกี่ยวพันกัน ระหว่างวันที่ 8 ก.ย. 2559 ถึงวันที่ 11 ต.ค. 2562 ขอให้ลงโทษตามกฎหมาย

ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังระบุว่า ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาจะครบกำหนด 48ชั่วโมง แล้ว หากแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากจะต้องทำสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีกจำนวน 35 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร อีกทั้งรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ จึงขออนุญาตศาลฝากขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างการสอบสวน มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-27 ม.ค. 2564 และหากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษขอคัดค้าน เนื่องจากดดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับมูลค่าความเสียหายในคดีมีจำนวนมาก หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าอาจจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานอื่นอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางคดีได้
ศาลอาญาพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ไม่ปรากฏว่ามีญาตินายอภิรักษ์ ผู้ต้องหายื่นประกันตัวชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้นำตัวไปคุมขังระหว่างการสอบสวนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.กรวัฒน์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ พร้อม นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 153/2562 แถลงข่าวผลการจับกุมนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 39 3/2563 ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัท FOREX 3D ผู้ก่อตั้งแชร์ลูกโซ่พันล้านบาท ที่หลบหนีคดีตั้งแต่ปี 2562 จนถูกจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ การหลอกลวงเหยื่อให้ลงทุนดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท มีผู้เสียหายในสำนวนถึง 8,437 คน และนอกสำนวนอีกเป็นหมื่นคนจากการสอบสวน ติดตามตัวนายอภิรักษ์ ทราบว่า หลังจากที่เจ้าตัวหลบหนีหมายจับไปต่างประเทศตั้งแต่เดือน มี.ค. 2562 โดยไปหลบตัวอยู่ที่สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นบางครั้ง ก่อนที่จะมีการลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค. 2563 ที่ผ่านมา จากนั้นชุดสืบสวนจึงได้มีการติดตามจนทราบว่าเจ้าตัวหลบหนีมาอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ และได้มีการทยอยขายสินทรัพย์ที่มีการอายัดไปแล้ว และยังไม่ได้อายัด โดยเฉพาะรถหรูซูเปอร์คาร์ลัมบอร์กีนี เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงได้ทำการล่อซื้อจับกุม พร้อมยืนยันว่าสถานที่คอนโดฯ หรือนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีใดๆ ทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น