“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563 ตอน แรงงานเถื่อนใน กทม. ระเบิดลูกใหญ่ วางใจไม่ได้
ติดตามกันต่อกับสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ไปดูและตรวจสอบการควบคุมดูแลและป้องกันการแพร่เชื้อ และการสอบสวนโรคของภาครัฐ ว่าไปถึงไหน รวมทั้งประเด็นปัญหาที่จะตามมา เนื่องจากขณะนี้เป็นยอมรับแล้วว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่นี้หนักกว่ารอบแรก
โดยนพ. ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศคบ. ยอมรับในช่วงตอบคำถามของผู้สื่อข่าว ที่ถามว่า ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่หนักกว่ารอบแรกหรือไม่ นพ. ทวีศิลป์บอกชัดเจนว่าตัวเลขเป็นตัวบอกได้อยู่แล้ว ถือว่าหนักกว่า แต่เรามีความรู้มากกว่าเดิม ในการเตรียมความพร้อม
ในท่ามกลางการเกิดสงครามเชื้อโรคครั้งนี้ ความหวังที่พอจะฝากฝีฝากไข้ได้ ตามที่โฆษกศคบ. พูดมา ก็คือ ขึ้นอยู่ที่ความรู้ และประสบการณ์จากการรับมือกับโรคระบาดในรอบแรกที่ผ่านมาเมื่อกลางปีนี้ เท่านั้นเอง
แต่ขณะที่ไวรัสโควิด-19 พัฒนาสายพันธุ์จากสายพันธุ์อู่ฮั่นหรือสายพันธุ์S เป็นสายพันธุ์GH รหัสG-614 ไปแล้ว ที่เริ่มระบาดในทวีปยุโรป ลามมาอินเดีย และแพร่กระจายวงกว้างในปากีสถาน และระบาดหนักในพม่ามาตั้งแต่เดือนสิงหาคมแล้ว ซึ่งโควิดสายพันธุ์G มันติดง่ายตายยากเสียด้วย
ดังนั้นสิ่งที่ไทยมีความรู้ ถือว่าเป็นความรู้เก่ากับประสบการณ์ที่รับมือกับการแพร่ระบาดไม่มีคนคิดเชื้อพร้อมกันจำนวนมากๆ และไม่รุนแรง ก็ยังไม่เคยเจอ ดังนั้นสำหรับรอบใหม่ทั้งเชื้อโรคก็ร้าย พื้นที่การติดเชื้อก็แพร่กระจายเป็นวงกว้างไปแล้ว เป็นเรื่องใหญ่ที่น่ากังวลมาก ว่าจะเอาอยู่หรือเปล่า
ยิ่งรู้ว่า การบริหารจัดการของภาครัฐในรอบนี้ ยังมีปัญหาอยู่มาก โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขที่จะต้องสอบสวนโรคในเชิงรุกให้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว แต่ปรากฎว่าการยุทธยังไม่สิ้นเสร็จ ซึ่งผ่านมา10กว่าวัน ตั้งแต่มีการพบคนป่วยที่สมุทรสาคร
การยุทธยังไม่สิ้นเสร็จ ในการไล่ตามคนมีเชื้อปรากฏว่าช้ามาก เพราะว่า การดำเนินเรื่องสอบสวนโรคไปไม่ถึงไหน เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่ต้องมีการตรวจหาเชื้อ ทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงานที่มาจากประเทศเมียนมา ที่สมุทรสาครหรือมหาชัย ยังตกสำรวจการตรวจโรคอีกนับแสนคน
เมื่อการคัดกรองคนติดเชื้อไม่มีความฉับไว การควบคุมโรคก็ไม่มีประสิทธิภาพ ผลของการสกัดระงับการแพร่กระจายเชื้อโรคก็จะต่ำลง ประเมินไม่ได้ว่าจะคุมให้อยู่ในพื้นที่มหาชัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ อาจจะเล็ดลอดมาไม่รู้เท่าไหร่
สภาพความจริงในมหาชัย มีคนต่างด้าวแรงงานพม่า
อยู่นอกพื้นที่ตลาดกลางกุ้งแหล่งพบเชื้อโรคและครป่วยรายแรก ยังมีจำนวนนับแสนคน ซึ่งไม่ได้ถูกกักตัวและควบคุมโรคแต่อย่างใด
ปัญหาปมนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ในพื้นที่มีน้อย วันหนึ่งๆตรวจได้ไม่กี่ร้อยคน แถมการสนับสนุนให้โรงพยาบาลของรัฐและเอกชนจากนอกพื้นที่เข้าเสริม ก็ไม่มีคำสั่งจากรัฐบาล
ทั้งที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชนหลายแห่งมีน้ำใจ เสนอตัวเข้าไปสนับสนุนในการตรวจหาเชื้อ แต่ก็เข้าไม่ได้ ด้วยที่ติดขัด เรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ระดับรัฐบาลยังไม่เปิดไฟเขียว
การตรวจหาเชื้อโรคที่มหาชัย จะเสร็จครบทุกคนได้ ในช่วงเวลาที่ทันการณ์ได้ คงต้องให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศคบ. สั่งการลงมา แต่วันนี้ยังปล่อยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร สู้ไปตามลำพัง จนผู้ว่าฯวีระศักดิ์ ติดเชื้อไปแล้ว ทำให้การสกัดเชื้อโควิด-19ที่มหาชัย อาจจะเอวัง ด้วยประการนี้
มาถึงปัญหาสำคัญอีกเรื่อง คือ การตั้งโรงพยาบาลสนาม ที่มหาชัย เพื่อรองรับการคัดแยกคนติดเชื้อ แต่ยังไม่แสดงอาการ มีปัญหาล่าช้าไม่ทันการณ์ ถึงตอนนี้แม้ว่าจะต้องรอไปจนถึงวันพฤหัสบดีนี้ เป็นอย่างเร็ว ก็ยังก็มีปัญหาหลายด้าน
ก่อนหน้านี้ จะได้เปิดที่สวนน้ำมหาชัย แต่ถูกชาวบ้านต่อต้าน พอขยับมาในเมืองก็เจอประท้วง จนได้ที่สนามกีฬากลางสมุทรสาคร แต่ก็เป็นโรงพยาบาลสนามขนาดเล็ก มีจำนวนเตียงสองร้อยเตียง ไม่รู้จะรับคนติดเชื้อได้ พอหรือไม่
เรื่องการตั้งโรงพยาบาลสนามไม่สำเร็จและล่าช้า สะท้อนว่า เป็นความล้มเหลวของทางการ ที่ประชาชนไม่ยอมให้ความร่วมมือ คงมาจากสาเหตุที่ประชาชนไม่เชื่อมั่นว่า เมื่อเอาคนติดเชื้อไปไว้ในพื้นที่ใกล้บ้านเขาแล้ว เชื้อโรคจะไม่ฟุ้งกระจาย กลายเป็นเคราะห์กรรมที่ประชาชนในพื้นที่จะต้องรับไป ก็จะไปโทษประชาชนไม่ได้
ขณะเดียวกัน เวลานี้เชื้อโรคกระจายไป40 จังหวัดแล้ว โดยเฉพาะจังหวัดระยอง มีคนติดเชื้อโควิด-19จากมหาชัย แล้วเอาไปแพร่เชื้อในบ่อนการพนัน สภาพปัญหาก็คงไม่แตกต่างกับคราวแรกที่เชื้อระบาดไปทั่วประเทศเพราะติดจากสนามมวยลุมพินี
การติดตามคนติดเชื้อที่เดินทางไปทั่ว ถ้าหากตามไม่ได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เป็นเรื่องน่ากลัวว่า รอบนี้โควิด-19 คงจะกำจัดยากแน่
แต่ถ้าจะตามคนติดเชื้อให้ได้ผลดี นอกจากการสอบสวนเอาความจริงออกมาจากปากคนเป็นพาหะนำเชื้อแล้ว อีกวิธีหนึ่งคือต้องให้ตำรวจแกะรอยจากโทรศัพท์ว่า คนๆนั้นไปอยู่ที่ไหนไปพบใครบ้าง ซึ่งการสืบสวนแบบนี้ตำรวจถนัดการหน่วยอื่น
แนวโน้มการแพร่ระบาดโควิด-19 น่าจะเพิ่มสูงขึ้นแน่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลายจังหวัดที่มีแรงงานคนต่างด้าวเข้ามาทำงาน เหมือนมหาชัย อาจจะมีการซุกคนติดเชื้อไว้จำนวนมากก็เป็นได้ ในเมื่อมหาชัยเจอได้ ที่อื่นก็ต้องมีสิทธิ์เจอเหมือนกัน
และจะวางใจได้อย่างไรว่า กรุงเทพไม่มีเชื้อโรคซุกอยู่ในแรงงานต่างด้าว เพราะความจริงกรุงเทพมหานคร มีแรงงานคนพม่าเข้ามาทำงานมีสถิติตัวเลขสูงที่สุด เกือบหกแสนคน ทั้งถูกต้องและแรงงานเถื่อน ที่มหาชัยยังเป็นลำดับสองรองจากกทม.
ดังนั้นจะต้องมีการรื้อแฟ้มแรงงานต่างด้าว เอาตัวมาสอบสวนทั้งหมด โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเดินทางเข้าไทยในช่วงปลายปีนี้
ข้อมูลแรงงานต่างด้าวในกทม. มีจำนวนเท่าไหร่ ทำงานอยู่ที่ไหน มีบันทึกไว้ทั้งหมดที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง1 แล้ว เพราะหน่วยนี้มีอำนาจหน้าที่ อนุญาตให้แรงงานต่างด้าวอยู่ต่อ และทำงานได้ ตม. 1 จึงรู้หมด เพราะนายหน้าแรงงานต่างด้าว ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล จะต้องมารายงานตรงและต่อตั๋วอยู่ต่อกับหน่วยนี้
ซึ่งตอนนี้ศักดิ์ศรีและมูลค่า ตม. 1 ถือว่าเป็นกองบังคับการในสตช. ระดับชั้น เกรดเอ(บวก+)ไปแล้ว ยิ่งงยุคนี้มีหัวหน้าหน่วยเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิ ของ “ บิ๊กจ๋อย “ คนสีกากีชื่อดังที่ใกล้ชิดรัฐบาล ถ้าอยากได้คำตอบ ตม. 1 จะรู้หมดเรื่องแรงงานต่างด้าวในกรุงเทพ
ถ้าหากจะล้วงลับไปถึงขบวนการขนแรงงานเถื่อน ใครเป็นใคร ใครรับส่วย ใครเป็นคนชั่ว ก็ย่อมได้ รับประกันแซะได้ที่ ตม.1 ไม่ผิดหวัง