วันนี้ (26 ธ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. และโฆษก บช.สอท. กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีสำคัญ 2 คดี
เมื่อ 25 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ว่า ในดดีแรกเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการแฮ็กบัญชีเฟซบุ๊กผู้อื่นแล้วหลอกยืมเงินจากเพื่อนๆของคนที่ถูกแฮกเฟซบุ๊ก ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกับที่ก่อเหตุแฮ็กเฟซบุ๊กของนักข่าวเครือเนชั่นหลายสิบคน โดยคนร้ายใช้วิธีการปลอมโปรไฟล์เป็นคนที่ผู้เสียหายรู้จัก แล้วทักเข้าไปคุยด้วยในช่องทางส่วนตัว จากนั้นคนร้ายจะขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อด้วย และอ้างว่าอีเมลของตนมีปัญหา จึงขออีเมลของผู้เสียหายเพื่อฝากส่งงานด่วน จากนั้น คนร้ายก็จะนำอีเมลของผู้เสียหายไปเข้าใช้เฟซบุ๊กในนามของผู้เสียหาย แล้วให้ส่ง OTP ไปยังเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายได้รับ OTP จากทางเฟซบุ๊ก คนร้ายก็จะออกอุบายขอ OTP ดังกล่าวจากผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเป็นแค่การยืนยันส่งงานในเฟซบุ๊กเท่านั้น หากผู้เสียหายหลงเชื่อส่งมอบ OTP ให้กับคนร้ายที่ปลอมเป็นเพื่อนของผู้เสียหาย คนร้ายก็จะสามารถนำ OTP ไปกรอกเพื่อเข้าใช้เฟซบุ๊กในนามของผู้เสียหายได้
จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ควรระมัดระวัง ห้ามส่ง OTP ให้กับผู้อื่น และกรณีที่จะนำ OTP ไปใช้เพื่อยืนยันตัวตน ห้ามกรอก OTP ลงในเว็บไซต์ที่เปิดจากลิงค์ที่มีผู้อื่นส่งมาให้ทาง SMS หรือ สื่อสังคมออนไลน์โดยเด็ดขาด หากมีเพื่อนขอยืมเงินผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ควรหลีกเลี่ยง หรือตรวจ
สอบย้อนกลับโดยการโทรศัพท์เข้าไปพูดคุยด้วย หากติดต่อไม่ได้ก็ไม่ต้องโอนให้ ถ้าจะโอนเงินให้ก็ต้องโอนเข้าบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของเพื่อน ห้ามโอนเงินเข้าบัญชีของผู้อื่นที่ไม่ใช่ชื่อของเพื่อนโดยเด็ดขาด เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน คนร้ายใช้วิธีการจ้างประชาชนเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิด จึงขอเตือนว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการร่วมกันกระทำความผิด นอกจากจะเป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว ยังจะต้องถูกตรวจสอบเรื่องการฟอกเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ในคดีที่สองเกี่ยวข้องกับการแอบถ่ายคลิปใต้กระโปรงนักศึกษาผู้หญิงตามสถานศึกษาต่างๆ ซึ่งเป็นนำเทคโนโลยีไปช่วยในการกระทำความผิด ฝากเตือนไปยังกลุ่มคนที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ ขอให้เลิกทำ อย่าเข้าใจผิดว่ามีแค่โทษปรับ หากแต่มีความผิดหลักๆ ที่เกี่ยวข้องคือ การกระทำอนาจาร และการเผยแพร่สื่อลามกผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีอัตราโทษสูงสุดรวมกัน ถึงกรรมละ 10 ปี
ทั้งนี้ ผู้เสียหายจะเป็นกลุ่มนักศึกษาหญิง จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ว่าให้สังเกตพฤติกรรมของคนรอบข้าง หากพบความผิดปกติ หรือ ผิดสังเกตอย่าลังเลที่จะทักไป หากเป็นคนร้ายอาจตกใจ หรือหยุดการกระทำผิดทันที โดยพฤติการณ์ของคนร้ายมักจะสะพายเป้ ถือโทรศัพท์มือถือเพื่อดูมุมกล้อง ให้มองเป็นใบหน้าของเป้าหมายอย่างชัดเจน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็จะเปลี่ยนจากการสะพายกระเป๋าเป็นการถือแทน เพื่อให้มุมกล้องสามารถส่องไปที่บริเวณใต้กระโปรงของเหยื่อได้พอดี ประเด็นสำคัญคือถ้าพบการกระทำผิด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องห้ามปล่อยไว้ มิฉะนั้นจะมีคนตกเป็นเหยื่ออีกมาก
รองโฆษก ตร. และโฆษก บช.สอท.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ให้ความสำคัญ และตระหนักถึงภัยจากอาชญากรรมทางออนไลน์ ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็ว จึงได้กำชับสั่งการให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง วางมาตรการในการป้องกัน สร้างการรับรู้ เพื่อประชาชนทั่วไป และผู้ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มีความปลอดภัยมากขึ้น
อีกทั้งหลังจากวาระการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระดับ สว.-รอง ผบก.มาดำรงตำแหน่งและรายงานตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.63 ไปแล้วนั้น ผบช.สอท ได้จัดตั้งทีมงานเพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของสถานีตำรวจทั่วประเทศทันที สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับประชาชน