MGR Online - รองโฆษก ตร. เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมโควิด-19 อาจทำให้สังคมสับสน หรือห้ามส่งต่อข่าวเท็จผ่านสื่อออนไลน์ มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์
วันนี้ (23 ธ.ค.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัส-19 รอบใหม่ที่ จ.สมุทรสาคร พบผู้สัมผัสติดเชื้อจากการเข้าไปซื้อ-ขายอาหารทะเลเดินทางต่อไปหลายจังหวัด ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ให้รวมปฏิบัติกับฝ่ายสาธารณสุขเข้มงวดกวดขันการเดินทางเข้าออกในนอกพื้นที่ดังกล่าวตลอดจนแนวชายแดนเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนพี่น้องประชาชนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภท จากการตรวจสอบพบว่า มีการแชร์ส่งต่อข้อมูลตลอดจนข่าวสารที่มีลักษณะอันเป็นเท็จเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ทั้งรูปแบบอินโฟร์กราฟิกที่ไม่มีที่มาที่ไป หรือไม่แสดงแหล่งที่มาของข้อมูล หรือ ส่งต่อข้อมูลเก่าหรือภาพเก่า สร้างความตื่นตระหนกในสังคม เช่น กรณีภาพกำแพงถูกทุบทำลายแล้วอ้างว่าคนงานต่างด้าวใช้หลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทางการไทย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ต้องออกมาชี้แจงว่าตรวจสอบแล้วเป็นภาพเก่าไม่ใช่ข้อมูลจริง
“ทั้งนี้ ยังมีการส่งต่อข้อมูลสถานที่อันตรายย่านต่างๆ ที่พบว่าเป็นข้อมูลเก่าครั้งตอนการแพร่ระบาดเมื่อตอนต้นปี นำวนกลับมาส่งต่อใหม่อีก โดยเฉพาะทางกลุ่มไลน์ต่างๆ ที่ผู้รับได้ต่อมาจากเพื่อนทางไลน์แล้วอาจมีเจตนาดีรีบส่งต่อให้เพื่อนคนอื่นทันทีโดยไม่ได้มีการตรวจสอบให้ชัดเจน ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของข้อมูลข่าวสารโควิด-19 เกินกว่าสถานการณ์จริง สร้างความสับสน ตื่นตระหนกให้แก่พี่น้องประชาชน”
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงอยากจะฝากเตือนพี่น้องประชาชนขอให้พิจารณาเลือกรับข้อมูลข่าวสารจากช่องทางของทางราชการโดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องนี้ คือ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) ซึ่งมีการแถลงข้อมูลทุกวัน หรือสำนักข่าวหลักที่มีความน่าเชื่อถือ โดยขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องจริง ข้อมูลจริง ก่อนจะส่งต่อหรือแชร์ต่อให้เพื่อน เพราะหากส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าวจะยิ่งเป็นการจะสร้างความตื่นตระหนก สับสน กับสังคมในวงกว้างได้
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ใช้วิจารณญาณให้มาก หากมีการตรวจสอบพบว่า ผู้ใดมีเจตนาปล่อยข่าวปลอมหรือนำเข้าข้อมูลที่เป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือแชร์ข้อมูลเท็จดังกล่าวก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (2) หรือ (5) แล้วแต่กรณี ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ฝากเตือนกรณีการรวมตัวเป็นกลุ่มของประชาชนในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งทางการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ ก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังและป้องกันตนเองตามมาตรการที่ทางรัฐบาลได้กำหนดไว้ หรือถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง ด้วยความปรารถนาดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ