ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาจำคุก 2 เดือน ไม่รอลงอาญา “ชาญศักดิ์ ธนเตชา” เพื่อนร่วมก๊วนกอล์ฟ “บรรยิน-เสี่ยชูวงษ์” ฐานจงใจให้การเท็จ บอกเวลาออกจากสนามกอล์ฟผิดจากข้อเท็จจริง หวังช่วย “บรรยิน” ให้หลุดคดีสังหาร “เสี่ยชูวงษ์” จำเลยรับสารภาพลดโทษเหลือกักขัง 1 เดือน
วันนี้ (2 ธ.ค.) มีรายงานว่า ศาลแขวงพระนครเหนือ ได้มีคำพิพากษาจำคุก นายชาญศักดิ์ ธนเตชา เป็นเวลา 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ในคดีที่ตำรวจกองปราบปรามตั้งข้อกล่าวหาว่าให้การเท็จเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ให้หลุดพ้นจากความผิดในคดีสังหารนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือ เสี่ยจืด นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อปี 2558 แต่จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลสอบคำให้การนายชาญศักดิ์ จำเลยแล้วให้การรับสารภาพ เห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุก 2 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 (แก้ไข) จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบคำรับสารภาพ ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเปลี่ยนโทษจำคุก เป็นการกักขังแทน 1 เดือน
ทั้งนี้ นายชาญศักดิ์ ธนเตชา เป็นหนึ่งในก๊วนตีกอล์ฟ ร่วมกับ พ.ต.ท.บรรยิน และนายชูวงษ์ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2558 ได้ให้การยืนยันมาตลอดว่าออกจากสนามกอล์ฟพร้อมนายชูวงษ์ และ พ.ต.ท.บรรยิน ช่วงประมาณ 21.00 น. โดย พ.ต.ท.บรรยิน และนายชูวงษ์ ขึ้นรถกลับไปด้วยกัน แต่นายชาญศักดิ์ขึ้นรถอีกคันที่จอดอยู่คนละที่ แล้วมาเกิดเหตุนายชูวงษ์เสียชีวิต ในเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันเดียวกัน แต่จากการสืบสวนและตรวจสอบข้อมูลหลายส่วน พบหลักฐานยืนยันได้ว่า ทั้งนายชาญศักดิ์ พ.ต.ท.บรรยิน และนายชูวงษ์ กินอาหารและเช็กบิลตั้งแต่เวลาก่อน 20.00 น. ออกจากสนามกอล์ฟในเวลาประมาณ 20.10 น. และนายชูวงษ์ เสียชีวิตหลังกินอาหารไม่นาน การที่นายชาญศักดิ์ให้การว่า ออกจากสนามกอล์ฟเมื่อเวลา 21.00 น.และนายชูวงษ์ เสียชีวิต เมื่อเวลา 22.00 น. ทำให้เชื่อว่ามีการจงใจให้การเท็จเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.บรรยิน โดยเป็นการให้การเท็จเพื่อให้เวลาออกจากสนามกอล์ฟใกล้เคียงกับเวลาเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ และใกล้เคียงกับเวลาตายมากที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไขว้เขวและสับสน โดยหากไม่สามารถหาหลักฐานอื่นมายืนยันได้ ก็จะทำให้ผู้ก่อเหตุฆาตกรรมนายชูวงษ์รอดพ้นความผิดไปได้ คดีนี้พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่พนักงานสอบสวนเห็นแย้งอัยการสูงสุดชี้ขาดให้ฟ้องต่อศาลแขวงในข้อหาให้การเท็จตาม ป.อาญา มาตรา 172
ซึ่งศาลแขวงพระนครเหนือ ได้พิพากษาจำคุก 2 เดือน ไม่รอลงอาญา แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ จึงลดโทษจำคุกเหลือหนึ่งเดือน และเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง