xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอาญาไม่ให้ประกัน "เพนกวิน-รุ้ง" แกนนำม็อบเหตุการณ์ 19 ก.ย.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตร.ชนะสงครามคุมตัว "เพนกวิน-รุ้ง" แกนนำม็อบธรรมศาสตร์ มาฝากขังต่อศาลครั้งแรก คดีจัดชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง ไม่ให้ประกันตัว ส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

เมื่อเวลา 11.45 น.วันนี้ (21 ต.ค.) พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงครามควบคุมตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ "เพนกวิน" และน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ "รุ้ง" สองแกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯตามมาตรา 116 เเงะข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง คดีชุมนุมปักหมุดที่ท้องสนามหลวงวันที่ 19 ก.ย.2563 โดยระหว่างที่นำตัว "เพนกวินเเละรุ้ง" เปิดหน้าต่างรถคุมขังสน.ชนะสงคราม ออกมาชู 3 นิ้ว พร้อมสีหน้ายิ้มเเย้ม

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ ก่อเกิดเหตุได้มีกลุ่มบุคคลที่ใช้ชื่อว่า กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดยนาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ น.ส.ปนัสยา ผู้ต้องหาที่ 1-2 กับพวกได้ประกาศนัดหมายกันผ่านสื่อออนไลน์ทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์และการแถลงข่าวที่ม.ธรรมศาสตร์ ทางสื่อทีวี ว่าจะมีการจัดกิจกรรม 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร ในวันที่ 19 ก.ย.2563 เวลา 14.00 น.ที่ม.ธรรมศาสตร์ และพื้นที่สนามหลวง ต่อมาตามวันเวลาที่เกิดเหตุได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณฟุตบาทด้านหน้าม.ธรรมศาสตร์รอบพื้นที่สนามหลวง ตำรวจสน.ชนะสงครามจึงได้ประชาสัมพันธ์และแจ้งข้อกฎหมายให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติกิจกรรม โดย น.ส.ปนัสยา ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ปราศรัยเชิญชวนให้กลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกันให้มากที่สุดเพื่อจะเข้าไปภายในม.ธรรมศาสตร์ ซึ่ง น.ส.ปนัสยา จะนำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปด้วยตัวเอง เพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ของม.ธรรมศาสตร์ให้เปิดประตู และในเวลาประมาณ 12.05 น.ของวันที่ 19 ก.ย.2563 นายภาณุพงศ์ จาดนอก พร้อมกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันผลักดันประตูรั้ว ม.ธรรมศาสตร์ จนแม่กุญแจที่ล็อคประตูรั้วของม.ธรรมศาสตร์ได้รับความเสียหาย กลุ่มผู้ชุมนุมจึงสามารถเข้ามาภายในม.ธรรมศาสตร์ได้ และกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่งยังได้มีการตัดเหล็กแม่กุญแจของประตู ม.ธรรมศาสตร์ ด้านท่าพระจันทร์ โดยมีนายพริษฐ์ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาภายในม.ธรรมศาสตร์ ทางประตูดังกล่าวอีก ต่อมาเวลา 12.30 น.น.ส.ปนัสยา ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ขึ้นไปบนรถยนต์เคลื่อนที่ปราศรัยโดยใช้เครื่องขยายเสียง หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 15.34 น.ของวันเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนออกจากบริเวณ ม.ธรรมศาสตร์ เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังพื้นที่ท้องสนามหลวง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงประชาสัมพันธ์ว่าการชุมนุมในวันนี้เป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้พังรั้วสนามหลวงฝั่งสนามหญ้าจริงและมีการผลักดันกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพบกลุ่มการ์ดพร้อมคีมตัดกุญแจเดินตัดกุญแจรอบสนามหลวง หลังจากนั้นได้มีการจัดตั้งเวทีปราศรัยและจัดกิจกรรมบนเวทีปราศรัยใหญ่ ต่อมาวันที่ 20 ก.ย.2563 เวลา 00.49 น.-02.30 น.นายพริษฐ์ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีใหญ่ท้องสนามหลวง โดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าต่อหน้าผุ้ชุมนุม โดยเนื้อหาปราศรัยได้กล่าวพาดพิงและโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเพื่อให้ประชาชนทั่วไปล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และในเวลาประมาณ 00.03 น.-00.35 น.ของวันเดียวกัน น.ส.ปนัสยา ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีใหญ่ท้องสนามหลวงโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าต่อหน้าผู้ชุมนุม โดยเนื้อหาปราศรัยได้กล่าวพาดพิงและโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ จากนั้นเวลา 06.44 น.นายพริษฐ์ ผู้ต้องหาที่ 1 และ น.ส.ปนัสยา ผู้ต้องหาที่ 2 กับพวกและกลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันทำพิธีปักหมุดคณะราษฎร์ โดยนำหมุดมาฝังลงบนพื้นท้องสนามหลวงบริเวณหน้าเวที ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการเจาะทำลายพื้นบริเวณดังกล่าว ภายหลังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้ประกาศยุติการชุมนุม โดยยื่นข้อเรียกร้อง 8 ข้อ ต่อมาภายหลัง พ.ต.อ.วรศักดิ์ พิสิษฐ์บรรณกร ผกก.สน.ชนะสงคราม จึงได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสอง

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานของศาลอาญาออกหมายจับ นายพริษฐ์ ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1585/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค.2563 และน.ส.ปนัสยา ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับศาลอาญษที่ 1586/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค.2563 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน“ร่วมกันกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยกระทำผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด”

กระทั่งวันที่ 20 ต.ค.2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงครามได้ร่วมกันจับกุมนายพริษฐ์ และ น.ส.ปนัสยา ผู้ต้องทั้งสอง ก่อนแจ้งข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินและข้อหาอื่นๆด้วย เหตุเกิด บริเวณม.ธรรมศาสตร์และท้องสนามหลวง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาโดยตลอด ครบกำหนดควบคุมตัว 48 ชั่วโมง ในวันที่ 22 ต.ค.2563 เวลา 14.50 น.หากแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องทำการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 6 ปาก,รอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหาทั้งสองจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสอง มาประกอบสำนวนการสอบสวนด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้ระหว่างการสอบสวน เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.-1 พ.ย.2563 และหากผู้ต้องหาทั้งสองยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองมีพฤติการณ์จะไปชุมนุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองในลักษณะเดิมเหมือนที่ผ่านมาและผู้ต้องหาทั้งสองอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอยู่หลายคดีและหลายท้องที่ ซึ่งล้วนเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงหากได้รับการประกันตัวไป เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองน่าจะหลบหนี

ศาลพิจารณาคำร้องและเหตุความจำเป็นแล้ว อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสอง โดยอนุญาตให้ฝากขังครั้งแรกเพียง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 21-27 ต.ค.นี้ จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งมีนายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และนายเอกสิทธิ์ หนุนภักดี อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ใช้ตำแหน่งทางวิชาการยื่นประกันตัว

ต่อมาเวลา 16.00 น. ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาทั้งสอง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีนี้ ผู้ต้องหาถูกจับกุม ประกอบกับเห็นว่า หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราว น่าเชื่อว่าจะไปกระทำการหรือก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองขึ้นอีก ในชั้นนี้จึงให้ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะควบคุมตัวนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วน น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง ไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง 


กำลังโหลดความคิดเห็น