ตร.เตือนห้ามชุมนุมแยกราชประสงค์ ตั้ง “กอร.ฉ.” คุมม็อบ มั่นใจไม่บานปลายเหมือนฮ่องกง

MGR Online - โฆษก ตร.แจงรวบ 22 แกนนำม็อบ เตือนห้ามชุมนุมแยกราชประสงค์อย่างเด็ดขาด หลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ กทม.เตรียมตั้งกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง หรือ กอร.ฉ. คุมม็อบ มั่นใจเหตุการณ์ไม่บานปลายเหมือนฮ่องกง แจงเด้ง 3 นายตำรวจ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

วันนี้ (15 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงภาพรวมการชุมนุม ว่า การปฏิบัติของตำรวจเป็นไปตามแผนการปฏิบัติ ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศรวมตัวกันที่บริเวณแยกราชประสงค์ในช่วงเย็นวันนี้ ไม่สามารถกระทำได้ การชุมนุมจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ฐานฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร โดยขอให้งดการรวมตัวชุมนุม หรือ เคลื่อนย้ายคนอย่างเด็ดขาด ซึ่งตามขั้นตอนปฏิบัติ หากมีการรวมตัวชุมนุม เจ้าหน้าที่จะมีการแจ้งเตือนก่อน พร้อมให้เวลาผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ แต่หากฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องมีการเข้าควบคุมตัวตามกฎหมาย แต่เชื่อว่า เมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ประชาชนจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และจากนี้ตำรวจจะมีการตั้งจุดตรวจความมั่นคง ให้เป็นไปตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยอาจเกิดผลกระทบกับประชาชนทั่วไปบ้าง

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่เวลา 13.00 น. จะมีการเปิดกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง หรือ (กอร.ฉ.)โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแล ซึ่งจะมีการเชิญหน่วยร่วมปฏิบัติ ทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน เข้าหารือแนวทางปฏิบัติ พร้อมยืนยันว่า การรวมตัวกันเกิน 5 คน ที่ไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง สามารถทำได้ ทั้งนี้ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงบังคับใช้เฉพาะ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่หากสถานการณ์ลุกลาม ไปยังจังหวัดอื่นๆ ก็อาจมีการพิจารณาประกาศเพิ่มเติม

โฆษก ตร. กล่าวว่า ตำรวจมีแผนการปฏิบัติอยู่แล้วมีการซักซ้อมแผน การข่าวก็มีอยู่แล้วว่าแกนนำเป็นใคร และมีวิธีปฏิบัติอย่างไรกับแกนนำที่กระจัดกระจายอยู่ ถ้าเป็นโรคก็เรียกว่า รักษาตามโรคตามอาการ เราคิดว่าเราเป็นหน่วยงานที่มีความชำนาญอยู่กับเรื่องนี้มาเกิน 10 ปี ตอนนี้เรามียาที่ชื่อ พ.ร.ก.บริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ยาตัวนี้เชื่อว่า จะเป็นยารักษาอาการที่อาจจะพัฒนาให้ร้ายแรงได้ เชื่อมั่นว่า จะเป็นเครื่องมือในการทำงานระงับยับยั้งเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ขณะเดียวกัน ตำรวจจะใช้อุปกรณ์ประกอบการดูแลประชาชนตามหน้างาน ประชาชนที่มาชุมนุมแบบนี้ไม่ได้ใช้ความรุนแรง และเชื่อว่าเหตุการณ์จะไม่ลุกลามบานปลายเหมือนฮ่องกง

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า จากการเข้าจับกุมผู้ร่วมชุมนุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สามารถควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุม จำนวน 22 คน โดยมี 4 คน เป็นแกนนำ ได้แก่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำพา นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ส่วนอีก 22 คน เข้าข่ายฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยในรายชื่อทั้งหมด ยังไม่มี นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง รวมอยู่ด้วย ซึ่งหลังจากนี้ หากพบผู้ใดกระทำความผิด หรือมีหมายจับ ก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป ขณะเดียวกัน ตำรวจยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของแกนนำชุดใหม่ที่จะมารับช่วงต่อจากแกนนำที่ถูกจับกุมตัว หากมีการเคลื่อนไหวชักชวนคนมาร่วมชุมนุมก็จะต้องถูกดำเนินคดี ส่วนแกนนำที่มีตำรวจมีการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดตามหมายจับ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวถึงกรณีการสั่งย้าย 3 นายตำรวจ ประกอบด้วย พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.น.1 และ พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.อคฝ. มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.เนื่องจากการดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมมีแผน และการปฏิบัติการตามแผนเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเคร่งครัด เนื่องจากหากดำเนินการผิดแผนจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ ดังนั้น กรณีที่สั่งการให้ 3 นายตำรวจมาช่วยราชการ ไม่ได้แปลว่าเป็นความผิด แต่เป็นการเรียกตัวมาสืบสวน ตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า สิ่งที่ได้ปฏิบัติไปแล้วมีความผิดพลาดอย่างไร หากพบว่าเป็นความบกพร่องจะได้มีการปรับความเข้าใจในการดำเนินการ จึงต้องมีการเรียกตัวมาช่วยราชการตามระเบียบการด้านวินัยในเบื้องต้น

“กรณีการสั่งย้ายครั้งนี้เรียกว่าเกิดการคลาดเคลื่อนในการปฏิบัติตามแผนดีกว่า หลังจากนี้ หากพบว่ามีใครไม่มีการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ก็ต้องดำเนินการเหมือนๆ กัน เชื่อว่า กรณีนี้จะไม่เป็นการบั่นทอนกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากการทำงานก็ต้องมีข้อผิดพลาด คนที่ไม่ผิดพลาดคือคนที่ไม่ทำงาน ถึงขณะนี้ยืนยันว่าตำรวจดำเนินการไปตามแผนที่วางไว้ เพียงแต่ยังมีบางจุดที่ต้องกลับมาทบทวน” โฆษก ตร.ระบุ

ต่อมาเวลา 13.30 น.ที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เป็นประธานการประชุม กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) โดยมีผู้แทนเหล่าทัพ และผู้แทนส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม