xs
xsm
sm
md
lg

“อรรถพล ใหญ่สว่าง” ประธาน ก.อ.บริจาคร่างกายเป็น “อาจารย์ใหญ่” แก่ รพ.ศิริราช

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“อรรถพล ใหญ่สว่าง” ได้บริจาคร่างกาย แก่ รพ.ศิริราช
“อรรถพล ใหญ่สว่าง” ประธาน ก.อ.บริจาคร่างกายเป็น “อาจารย์ใหญ่” แก่ รพ.ศิริราช เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ฝึกหัดเรียนรู้ พร้อมเชิญชวนบริจาคอวัยวะต่อชีวิต เป็นบุญตามความเชื่อในพุทธศาสนา

วันนี้ (25 ส.ค.) นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) และอดีตอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปบริจาคร่างกายที่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช เดิมนั้นตั้งใจจะไปบริจาคร่างกายในวันที่ 12 ส.ค. 2563 เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ แต่วันดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการ จึงต้องเปลี่ยนมาบริจาคในวันทำการราชการ

โดยตามประเพณีไทย ส่วนมากเมื่อมีการเสียชีวิตก็จะมีการทำบุญและฌาปนกิจศพ จนเหลือเถ้ากระดูก หรือที่เรียกว่าอัฐิ จากนั้นจึงนำอัฐิดังกล่าวเก็บไว้บูชาหรือไปสร้างที่เก็บไว้ตามกำแพงวัด สาเหตุที่ตนคิดบริจาคร่างกาย เพราะแม้เสียชีวิตก็อยากให้ร่างกายได้มีประโยชน์ต่อไป โดยเป็นอาจารย์ใหญ่ของนิสิตนักศึกษาที่มาเรียนเเพทย์ให้ใช้ประโยชน์จากร่างกายตนได้ถึง 2 ปี

นอกจากนี้ ในสมัยที่บิดาและมารดาตนได้เสียชีวิตในขณะนั้นมีการขอพระราชทานเพลิงศพกรณีพิเศษ ก็จะนำเถ้ากระดูกเก็บไว้บูชา โดยบางส่วนจะนำไปลอยอังคารที่ท่าเรือสัตหีบจังหวัดชลบุรี จึงเห็นว่าคนเราเมื่อเสียชีวิตแล้ว ยังต้องเอาเถ้ากระดูกไปลอยอังคาร ทำไมเราไม่ได้ใช้ประโยชน์จากร่างกายดังกล่าว

อีกทั้งเมื่อก่อนหน้านี้ได้ไปงานศพผู้ใหญ่ที่นับถือมา 2 งาน ทั้งสองท่านเสียชีวิตตอนอายุ 90 กว่า งานแรกมีคนไปร่วมงานคับคั่ง เหตุเพราะบรรดาลูกหลานของผู้เสียชีวิตมีตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือบางคนเป็นพ่อค้าใหญ่ มีคนนับหน้าถือตา ส่วนงานที่ 2 เป็นงานศพของคนที่มีคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินหลายประการ แต่เมื่อไปถึงงานกลับพบว่ามีผู้คนมาร่วมงานน้อยมาก ก็เข้าใจว่า บรรดาบุตรหลานอาจจะไม่ใช่คนใหญ่โต ตรงนี้จึงตระหนักขึ้นได้ว่ากรณีแบบนี้จะเป็นภาระต่อบุตรหลานหรือไม่ จึงคิดว่าถ้าตัวเองเสียชีวิต โอกาสที่เป็นภาระกับบุตรหลานย่อมมีมาก หากตนเสียชีวิตช่วงอายุ 90 ปี ร่างกายยังสามารถใช้ประโยชน์ โดยเป็นอาจารย์ใหญ่ได้ ดีกว่าไปลอยทิ้งแม่น้ำ หรือเอาไปเก็บไว้ข้างกำเเพงวัดที่ไม่รู้ว่าจะโดนขุดเมื่อไหร่ ในเชิงพุทธศาสนาการบริจาคร่างกายก็น่าจะได้บุญกุศล

จึงขอเชิญชวนทุกท่านในเรื่องแนวคิดการบริจาคร่างกายที่สามารถนำไปเป็นอาจารย์ใหญ่ หรือท่านใดที่ยังมีอายุไม่มากเเละร่างกายสามารถใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถที่จะบริจาคอวัยวะเพื่อใช้ประโยชน์สำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นการต่อชีวิตคน ส่วนตนอายุ 70 ปีเเล้ว คงได้แต่บริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น